ในรายการ “Thai Move Talk” ทางช่องสถาบันทิศทางไทย เผยแพร่ผ่านทางยูทูป ทางด้าน “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม”ได้แสดงความคิดเห็นทางการเมือง “ยุบสภา” เลยลุง ดัดสันดานนักการเมืองเฮงซวย!!
สถาณการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ จากกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติ234เสียง ต่อ230เสียง ให้มีการจัดตั้ง”คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาผลกระทบจากคำสั่งประกาศ คสช. และประกาศคำสั่งของหัวหน้าคณะคสช. ตามมาตรา44 มตินี้มันเป็นมติที่เจ็บลึกไปถึงหัวใจของ”ลุงตู่” หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะอดีตหัวหน้าคณะคสช. เพราะประกาศคำสั่งทุกฉบับที่ออกมา ออกในนามของพล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว
ดังนั้นการผ่านมติดังกล่าวเท่ากับเป็นการเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ อย่างต่อเนื่องยาวนานไปตามอายุของคณะกรรมาธิการชุดนี้และจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งในห้องประชุทกรรมาธิการรวมทั้งการออกมาแถลงข่าวข้างนอก เพราะชื่อคณะกรรมาธิการมันบอกอยู่แล้วว่าจะศึกษาผลกระทบ กังนั้นคนที่จะเชิญมาพูดคุยให้ปากคำก็ต้องเป็นคนที่รับผลกระทบ ซึ่งคนที่จะรับผลกระทบจะมาพูดดีๆ กับคนออกคำสั่ง..ไม่มีอยู่แล้ว
สนธิญาณกล่าวต่อว่า งานนี้ถึงต้องบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์ เจ็บปวดหัวใจเพราะเสียงที่ชนะโหวตในวันนั้นเป็นเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาล 6 เสียง และเป็นเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์ ถ้า6เสียงนี้ไม่โหวตญัติก็จะต้องตกไป 6เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ว่าประกอบไปด้วย คุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย คุณอันวาร์ สาและ คุณเทพไท เสนพงษ์ คุณกันตวรรณ ตันเถียร คุณชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ และคุณพนิต วิกิตเศรษฐ์ โดยข้ออ้างของทั้ง6คนก็คือเป็นผู้เสนอญัตติเอง ร่วมกับคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้เสนอก่อนที่จะมีการลาออกจากส.ส.
ทั้ง6คนเป็นคนที่สนิทสนมกับคุณอภิสิทธิ์ ยิ่งแบบนี้ก็ยิ่งเจ็บซ้ำเจ็บซ้อนเพราะ ทั้ง6คนที่ยืนหยัดกับคุณอภิสิทธิ์นั้น แน่นอนว่า ..ไปว่าเจตนาบอกไม่มีอะไร เป็นจุดยืนทางการเมือง แต่ประเด็นซึ่งตนเรียนอยู่แล้วว่า เป็นประเด็นที่ต้องการถล่มพล.อ.ประยุทธ์ หากถามว่าทำไมต้องทำแบบนี้ คำตอบก็คือ ทั้ง6คนเมื่อยืนหยัดอยู่ข้างคุณอภิสิทธิ์ และตัวคุณอภิสิทธิ์เองก็ยืนยันมาตั้งแต่ต้นว่าไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์จนทำให้พรรคประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ไปอย่างราบคราบ และคุณอภิสิทธิ์ ต้องตัดสินใจลาออกจากการเป็นส.ส. ซึ่งแบบนี้มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองอย่างหนึ่งอย่างใดซ้อนเร้นหรือไม่ ก็ต้องเป็นเรื่องที่ต้องติดตามและก็ต้อมทำความเข้าใจ
“ปรากฏการณ์เป็นปรากฏการณ์ที่ผมอยากจะเรียนว่าเป็นเรื่องที่จะต้องจับตาและต้องให้ความใส่ใจ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่มีทางที่จะล้มรัฐบาลได้ ด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่บอกว่า เสียงที่จะไม่ไว้วางใจนั้นต้องเสียงเกินครึ่งของจำนวนส.ส.ที่มีอยู่ในสภาซึ่งแน่นอนว่าเสียงรัฐบาลจะต้องชนะอยู่แล้วแต่กรณีแบบนี้มันจะเป็นกรณีที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุในการนำเสนอกฎหมายหรืออุบัติเหตุต่างๆในสภาที่เสียงรัฐบาลจะพลิกไปยืนอยู่กับฝ่ายค้าน” สนธิญาณกล่าว
และเรื่องนี้คนที่ต้องการนำเสนอเรื่องผลกระทบจากม.44มากที่สุด คือพรรคอนาคตใหม่และถ้าเราย้อนกลับไปดูความคิดของคุณอภิสิทธิ์กับความคิดของพรรคอนาคตใหม่ ยกเว้นเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่เราต้องจับตาดู
สำหรับความพยายามล้มวิปรัฐบาลที่ต้องการจะให้มีการโหวตใหม่ในญัตตินี้โดยอ้างข้อบังคับที่85ของสภาผู้แทนราษฎรว่าถ้าเสียงไม่เกิน 25 เสียง มีสิทธิ์จะโหวตใหม่ ผลความพยายามล้มวิปรัฐบาลล้ม ก็เพราะส.ส.เข้าร่วมประชุมสภาไม่ครบสภาจึงล่มไป ส.ส.ฝ่ายค้านไม่ยอมเข้าร่วมประชุมต้องการให้สภาล่มเพราะต้องการให้ญัตินี้ผ่านไม่ยอมรับข้อบังคับที่85 ซึ่งในขณะนี้กำลังดำเนินการที่จะส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความแต่การไม่เข้าร่วมประชุมของส.ส.รัฐบาลยิ่งน่าสนใจว่าไม่รับผิดชอบต่อสภาหรือเจตนาที่จะให้ญัตินี้ผ่านเป็นเรื่องที่ต้องติดตามดู
สถานการณ๊นี้จะจบลงอย่างไรยังไม่มีคำตอบ ส.ส.ฟากฝั่งของรัฐบาลจะให้มีการนับองค์ประชุมใหม่ จนทำให้ญัตินี้ตกไปได้หรือไม่ต้องติดตาม
“ผมเรียนย้ำสำหรับชายชาติทหารที่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์เจ็บลึกแน่นอน ดูจากคำให้สัมภาษณ์ที่พูดกับนักข่าววันก่อน ถ้อยคำนั้นแสดงออกอย่างชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ผมเป็นทหารเก่า เพราะฉะนั้นสัญญาลูกผู้ชายและการเป็นสุภาพบุรุษสำคัญที่สุด การเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ก็ต้องเป็นพรรคร่วมรัฐบาลจริง ๆ รัฐบาลทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ใช่ต่อสู้ทางการเมืองอย่างเดียว หรือจะมองอนาคตเฉพาะเลือกตั้ง ซึ่งยังมาไม่ถึงตอนนี้ถึงเวลาค่อยว่ากันอีกที ตรงนี้จะเรียกว่าต่อว่า หรือด่าพรรคร่วมรัฐก็ได้”
สนธิญาณทิ้งท้ายอีกว่า “ลุงตู่พูดไปก้เสียเวลา ยุบมันเสียเถอะครับ สภาแบบนี้อย่าไว้เลย ทำงานมาไม่กี่เดือนประชาชนก้เอือมระอาเต็มทีแล้ว”