จากที่ สตีเฟน เจน (Stephen Jen) ซีอีโอ Eurizon บริษัทจัดการสินทรัพย์ในลอนดอน ออกมาเตือนเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา ถึงการคว่ำบาตรรัสเซีย ได้เร่งให้เงินดอลลาร์เสื่อมค่า นานาชาติเคลื่อนตัวออกจากเงินดอลลาร์สหรัฐทั่วโลก
ทั้งนี้ สตีเฟน เจน ระบุว่า ส่วนแบ่งเงินสำรองทั่วโลกของสกุลเงินสหรัฐฯ ลดลงเร็วกว่าปีที่แล้วถึง ๑๐ เท่าเมื่อเทียบกับ ๒๐ ปีก่อนหน้านี้ กระบวนการดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นเมื่อบางประเทศเริ่มมองหาทางเลือกอื่นหลังจากเห็นทรัพย์สินของรัสเซียถูกแช่แข็งในต่างประเทศ และประเทศถูกตัดขาดจากระบบการส่งข้อความทางการเงินทั่วโลกที่รู้จักกันในชื่อ SWIFT
ต่อมา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวผ่านการโพสต์ลง Blockdit เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 ด้วยว่า “หนึ่งในมาตรการลด ละและเลิกใช้เงินสกุลดอลลาร์:
ถือเป็นการให้ความยุติธรรมแก่ทุกประเทศทัดเทียมกันซึ่งจีน และรัสเซียมอบให้แก่ชาติต่างๆ เท่ากันหมด ชาติไหนที่เป็นสมาชิก BRICS เมื่อต้องกู้ยืมเงินจากธนาคารเครือข่าย BRICS คือ The New Development Bank (NDB) ธนาคารนี้ จะให้เงินกู้เป็นธนบัตรของชาตินั้นๆ เลย
สมมติเช่น ประเทศไทยขอกู้ ธนาคารก็ให้กู้โดยให้เงินธนบัตรไทย ธนบัตรไทยก็จะมีค่าพอๆ กับธนบัตรอื่นๆ และ NDB ก็ไม่มีเงื่อนไขใดๆ
ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการเมืองอยู่เบื้องหลังเหมือนกับ IMF และ World Bank ซึ่งมักสร้างกติกาให้ประเทศต่างๆ แก้กฎหมายภายในประเทศ ให้กลุ่มนายทุนต่างชาติเข้าไปฮุบทรัพยากรธรรมชาติภายในประเทศได้เสมอหากมีการกู้เกิดขึ้น”
https://www.naturalnews.com/2023-04-19-brics-ndb-offering-loans-in-local-currencies.html
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ดร.ปฐมพงษ์ ยังได้โพสต์ถึงเงินดอลลาร์ที่ลดลงอีกว่า “ดอลลาร์ลดจากการเป็นเงินทุนสำรองฮวบฮาบ:สองนักเศรษฐศาสตร์การเงินของอังกฤษ Joana Freire และ Stephen Jen ออกมาสรุปว่าเมื่อปีพ.ศ. ๒๕๔๖ ชาวโลกใช้เงินดอลลาร์เป็นทุนสำรองถึง ๒ ใน ๓
แต่พอถึงปีพ.ศ. ๒๕๖๔ ลดมาเหลือ ๕๕% และเมื่อมาถึงพ.ศ.๒๕๖๕ คือปีที่แล้ว ลดมาเหลือแค่ ๔๗% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าชาวโลกทยอยทิ้งดอลลาร์ไปอย่างเห็นได้ชัด
ภาวะเงินเฟ้อสุดขีด (hyperinflation) จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อประเทศส่วนใหญ่เลิกใช้กันแล้ว ทำให้ปริมาณดอลลาร์ไหลกับอเมริกามากนั่นเองจึงทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงตามมา”
“ชาวอเมริกันจนกรอบแล้ว:นิตยสารบิสิเนสวีคของอเมริกานำเสนอข่าวล่าสุดว่า หนึ่งในห้าของชาวอเมริกันเดี๋ยวนี้ซื้อของที่ร้านขายของชำโดยใช้แอพผ่อน *ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง* เนื่องจากค่าครองชีพสูง ไม่มีเงินพอจะซื้อของใช้สอยต่างๆ เพื่อการดำรงชีพรายวัน…จำนวนหนึ่งในห้าของประชากรอเมริกาไม่ใช่น้อยๆ นะครับ”