จากที่กองทัพรัสเซียเข้าโจมตียูเครน ซึ่งได้พบห้องทดลองที่นำมาสู่การตรวจสอบ โดยเกี่ยวโยงไปถึงสหรัฐอเมริกา รวมทั้งความเคลื่อนไหวที่ชาติอาหรับจับมือคืนดีกันเพื่อต่อต้านชาติตะวันตกรุกรานนั้น
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน Blockdit ระบุถึงการตรวจสอบห้องทดลองยูเครนซึ่งมีบางช่วงที่สำคัญว่า
รัสเซียเรียกทูตอเมริกาให้เข้าไปชี้แจงกรณีพัฒนาห้องแล็บที่ยูเครน : รัฐบาลรัสเซียได้เชิญทูตอเมริกาประจำรัสเซียไปอธิบายว่าเหตุใดอเมริกาถึงสร้างห้องแล็บที่พรมแดนยูเครนติดกับรัสเซียที่ห้องประชุมรัฐสภาดูมาในวันนี้ครับ แต่อเมริกาปฏิเสธที่จะส่งตัวทูตของตนเองคือนาง Lynn Tracy ไปชี้แจงตามคำเชิญของรัฐบาลรัสเซีย
สถานทูตอเมริกาตอบว่า The US Embassy in Moscow confirms that we have declined the State Duma’s invitation to Ambassador Tracy to attend the meeting of the Russian State Duma Commission.
อเมริกาบอกสื่อมวลชนแทนว่า ตนวิจัยตามอาวุธชีวภาพตามหลักสากลและปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงว่าตนไม่ได้พัฒนาอาวุธชีวภาพในยูเครน!
เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลอเมริกาหวาดกลัว ไม่กล้าให้เจ้าหน้าที่ของตนเองไปพูดความจริง กลัวจะเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกและมัดตัวเองขึ้นมา
ผมเชื่อว่ารัสเซียจะต้องทำอะไรสักอย่างต่อไปแน่นอนครับ รัสเซียไม่ยอมให้รัฐบาลชาตินักล่าอาณานิคมป่าเถื่อนยุคนี้อย่างอเมริกาทำอะไรตามใจชอบ และลอยชายไปได้ง่ายๆ หรอกครับ”
ต่อมาวันที่ 19 เมษายน 2566 ดร.ปฐมพงษ์ ยังโพสตืข้อความถึงความเคลื่อนไหวในอิหร่านภายหลังได้รับยุทโปกรณ์สำคัญจากรัสเซียว่า “มาแล้วครับ Su-35 ของอิหร่าน:
เครื่องบินรบล้ำสมัยของรัสเซียคือ Su-35 ทยอยเดินทางจากรัสเซียมาถึงสนามบินอิหร่านเรียบร้อยแล้ว อิหร่านเสริมเขี้ยวเล็บทางอากาศได้สำเร็จ
ไม่เพียงแต่เครื่องบินรบล้ำสมัย Sน-35 เท่านั้น อิหร่านยังทำ MOU กับซาอุฯ รัสเซียและจีนเสริมแกร่งทั้งทางเศรษฐกิจทั้งทางทหาร กอปรกับมีการค้นพบบ่อน้ำมันใหม่ไม่กี่ปีก่อน
อิหร่านจึงมีโอกาสผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจในตะวันออกกลางอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่เพียงเท่านั้น อิหร่านยังเชิญเจ้าชาย MBS มาเยี่ยมกรุงเตหะหร่านเพื่อกระชับมิตรไมตรี
อีกไม่นาน ซาอุฯ ก็จะน่าเสริมเขี้ยวเล็บจากรัสเซีย โดยเฉพาะระบบป้องกันภัยทางอากาศ เช่น S-300/S-400 เพื่อป้องกันการรุกรานจากโลกตะวันตกด้วยเช่นกัน”
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน ดร.ปฐมพงษ์ ยังเผยแพร่ข้อมูลที่น่าติดตามในสหรัฐอเมริกาต่อผู้นำรัสเซียอีกว่า “วลาดิเมียร์ ปูตินเป็นที่นิยมในอเมริกามากยิ่งขึ้น:
รัฐบาลอเมริกา พยายามสกัดมิให้สื่อกระแสหลักของตนเองนำเสนอข่าวจากฝั่งรัสเซีย เหมือนรัฐบาลไทยขณะนี้นั่นแหละครับ ทีวีช่อง ๕ เคยเปิดโอกาสให้ TopNews นำเสนอ
แต่อเมริกาท้วงมาก็เลยเลิก รัฐบาลอเมริกายังควบคุมสื่อกระแสหลักเมืองไทย มิให้นำเสนออาชญากรรมที่ตนทำในประเทศต่างๆ ที่สำนักข่าวต่างๆ เช่น RT ของรัสเซียนำเสนอได้อยู่
แต่วิญญูชนอเมริกาที่ติดตาม RT มีมากขึ้น ได้รู้เรื่องจริงมากขึ้น ผลสำรวจโพลล์ล่าสุด บอกว่าชาวอเมริกันรู้จักปูตินดีขึ้นถึง ๙๑% และยอมรับว่าสิ่งที่ปูตินทำในยูเครนถูกต้องถึง ๒๑%”