หลังจากที่สหรัฐฯกล่อมยูเอ็นให้ประณามเกาหลีเหนือและคว่ำบาตรเพิ่มไม่สำเร็จ
ด้านผู้นำเกาหลีเหนือ ได้สั่งเดินหน้าส่ง “ดาวเทียมสอดแนมทางทหาร” ขึ้นสู่ท้องฟ้า เตรียมรับสถานการณ์ตึงเครียดด้วยการพึ่งตนเอง
ขณะที่เมกาฯสอดส่งการเคลื่อนไหวของจีนอย่างไม่ลดละและถือว่าจีนกับเกาหลีเหนือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สหรัฐฯหมายหัวเป็นศัตรูอย่างเปิดเผย ล่าสุดคลังสมองในกรุงวอชิงตันเผยแพร่ภาพถ่ายดาวเทียมชุดใหม่ เผยให้เห็นว่า จีนกำลังเพิ่มพื้นที่ฐานอวกาศในทวีปแอนตาร์กติกา อิจฉาแค่ไหนก็ขวางความก้าวหน้าของจีนและเกาหลีเหนือไม่สำเร็จ
วันที่ ๑๙ เม.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และสำนักข่าวเอพีรายงานว่า คิม จองอุน(Kim Jong-un) ผู้นำเกาหลีเหนือ แถลงข่าวประกาศว่า “ประเทศของเขาจะเปิดตัวดาวเทียมสอดแนมทหารตามแผนก่อนหน้านี้”
ผู้นำเกาหลีเหนือให้คำแนะนำในการสร้างกลุ่มดาวยานอวกาศที่คล้ายกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านข่าวกรองของประเทศ นอกจากนี้ คิมยังมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของประเทศเตรียมการปล่อยดาวเทียมสอดแนมขึ้นฟ้าโดยเร็วที่สุด
ก่อนหน้านี้ เปียงยางได้ประกาศแผนการเปลี่ยนเกาหลีเหนือให้เป็นประเทศอวกาศระดับโลก พร้อมเสริมว่าได้วางรากฐานที่จำเป็นไว้แล้ว
การจัดตั้งระบบสอดแนมในอวกาศเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของคิมเพื่อพัฒนาขีดความสามารถทางทหารของเขา เพื่อกดดันให้สหรัฐฯ ละทิ้งนโยบายที่เขาเรียกว่าเป็นศัตรู เช่น การฝึกซ้อมทางทหารกับพันธมิตรเกาหลีใต้ และการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศต่อเกาหลีเหนือ
การทดสอบขีปนาวุธและจรวดก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือสามารถส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนตั้งคำถามว่าเกาหลีเหนือมีกล้องที่ซับซ้อนพอที่จะใช้สอดแนมจากดาวเทียมหรือไม่ เนื่องจากมีเพียงภาพความละเอียดต่ำเท่านั้นที่ถูกเผยแพร่หลังจากการปล่อยครั้งก่อน
ในระหว่างการเยือนหน่วยงานการบินและอวกาศของประเทศเมื่อวันอังคาร คิมกล่าวว่าการมีดาวเทียมลาดตระเวนทางทหารถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกาหลีเหนือในการใช้การป้องปรามสงครามอย่างมีประสิทธิภาพ คิมอ้างถึงสิ่งที่เขาอธิบายว่าเป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยอย่างร้ายแรงที่เกิดจาก “วาทศิลป์ที่เป็นศัตรูและการกระทำที่โจ่งแจ้งที่สุด” โดยสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ในปีนี้
คิมกล่าวว่า “ดาวเทียมสอดแนมทางทหารหมายเลข ๑” ถูกสร้างขึ้นเมื่อเดือนเมษายน และสั่งให้พยายามเร่งการเตรียมขั้นสุดท้ายสำหรับการปล่อยดาวเทียมในวันที่วางแผนไว้ซึ่งเขาไม่ได้เปิดเผย เขากล่าวว่าเกาหลีเหนือต้องส่งดาวเทียมหลายดวงเพื่อสร้างความสามารถในการรวบรวมข่าวกรองอย่างมั่นคง
เกาหลีเหนือกล่าวว่าการทดสอบอาวุธอย่างต่อเนื่องรวมถึงการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปเชื้อเพลิงแข็งที่ออกแบบมาเพื่อโจมตีแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเป็นการตอบโต้การฝึกซ้อมทางทหารร่วมกันระหว่างสหรัฐและพันธมิตรในภูมิภาค เกาหลีใต้และญี่ปุ่น. เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบขีปนาวุธไปแล้วประมาณ ๑๐๐ ครั้งตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ในปีนี้ประมาณ ๓๐ ครั้ง
กองทัพสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ได้ขยายการซ้อมรบร่วมกันอ้างเพื่อเสริมสร้างการป้องปรามต่อภัยคุกคามนิวเคลียร์ที่เพิ่มมากขึ้นของเกาหลีเหนือ ในสัปดาห์นี้ ได้เปิดตัว การฝึกทางอากาศเป็นเวลา ๑๒ วันโดยมีเครื่องบินรบประมาณ ๑๑๐ ลำ และจัดซ้อมรบป้องกันขีปนาวุธทางเรือเป็นเวลา ๑ วันร่วมกับญี่ปุ่น
Kim Jong Un กล่าวว่าหนึ่งในวัตถุประสงค์สำหรับดาวเทียมสอดแนมคือการได้มาซึ่งความสามารถในการ “ใช้กำลังทางทหารล่วงหน้าเมื่อสถานการณ์ต้องการ” นั่นแสดงว่าเขาตั้งใจที่จะเชื่อมโยงดาวเทียมสอดแนมกับหลักคำสอนนิวเคลียร์แบบเลื่อนขั้นของเกาหลีเหนือ ซึ่งอนุญาตให้มีการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ล่วงหน้า
คำสั่งที่เผยแพร่โดย KCNA เมื่อวันอังคารเน้นไปที่ทรัพย์สินทางทหารของสหรัฐฯ เช่น เรือบรรทุกเครื่องบินและเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลที่ติดตั้งในเกาหลีใต้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ไม่ได้กล่าวถึงเป้าหมายที่เป็นไปได้ในสหรัฐฯ แผ่นดินใหญ่ ซึ่งอาจบ่งบอกเป็นนัยว่าเกาหลีเหนืออาจตั้งใจใช้ดาวเทียมสอดแนมของตน เพื่อระบุและโจมตีเป้าหมายสำคัญในเกาหลีใต้ รวมทั้งฐานทัพสหรัฐฯ ในบริเวณใกล้เคียงด้วยขีปนาวุธระยะสั้น
ด้านพันธมิตรใกล้ชิดของเกาหลีเหนืออย่างจีนก็ไม่หยุดเคลื่อนไหว ในสนามแข่งขันทางอวกาศเช่นกัน เรื่องนี้ทางการจีนไม่ได้เป็นฝ่ายเปิดเผย แต่หน่วยคลังสมองสหรัฐฯเป็นฝ่ายเปิดเผยว่า จีนเร่งสร้างสถานีอวกาศแห่งใหม่ที่ขั้วโลกใต้
โดยภาพถ่ายดาวเทียมชุดใหม่ ที่รวบรวมโดยคลังสมองในกรุงวอชิงตัน เผยให้เห็นว่า จีนกำลังเพิ่มพื้นที่ฐานในทวีปแอนตาร์กติกา และกลับมาดำเนินการก่อสร้างสถานีอวกาศแห่งที่ ๕ เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปี ๒๕๖๑
รัฐบาลปักกิ่งพยายามพัฒนาเส้นทางเดินเรือใหม่ในแถบอาร์กติก และขยายการวิจัยในแอนตาร์กติกา แต่รัฐบาลของชาติตะวันตกต่างแสดงความกังวลว่า การปรากฏตัวที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคขั้วโลกทั้งสองแห่ง อาจทำให้กองทัพปลดปล่อยประชาชน (PLA) มีความสามารถในการเฝ้าระวังที่ดีขึ้น
ศูนย์การศึกษายุทธศาสตร์และระหว่างประเทศ (ซีเอสไอเอส) ระบุในรายงานว่า สถานีอวกาศแห่งใหม่บนเกาะอินเอ็กซ์เพรสซิเบิล ใกล้กับทะเลรอสส์ คาดว่าจะมีหอสังเกตการณ์ พร้อมกับสถานีดาวเทียมภาคพื้นดิน และจะช่วยจีน “เติมเต็มช่องว่างสำคัญ” ของความสามารถในการเข้าถึงทวีปแห่งนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ซีเอสไอเอสใช้ภาพถ่ายดาวเทียมเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา เพื่อระบุสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการสนับสนุนแห่งใหม่, อาคารชั่วคราว, ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และฐานรากสำหรับอาคารหลักขนาดใหญ่ ในพื้นที่สถานีขนาด ๕,๐๐๐ ตารางเมตร ซึ่งคาดว่า การก่อสร้างจะแล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๗
ซีเอสไอเอส กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในขณะที่สถานีอวกาศแห่งนี้ สามารถติดตามและสื่อสารกับดาวเทียมสำรวจขั้วโลกทางวิทยาศาสตร์ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ของจีน อุปกรณ์ของสถานีนี้ยังสามารถใช้ในการสกัดกั้นการสื่อสารผ่านดาวเทียมของประเทศอื่น ๆ ในเวลาเดียวกันได้ด้วย”
สหรัฐฯหวาดระแวงจีนอย่างมาก ด้วยการพัฒนาก้าวกระโดดรวดเร็วจนคาดไม่ถึงทั้งทางเศรษฐกิจ การทหาร และเทคโนโลยีชั้นสูง จากเดิมที่มองว่าองค์กร หรือหน่วยงานระดับนานาชาติที่จีนและรัสเซียร่วมกันก่อตั้งขึ้น ทั้งBRICS และ SCO เป็นแค่เวทีคุยแลกเปลี่ยนเล็กๆ ไม่กี่ปีถึงวันนี้ ทั้งสององค์กรแข็งแกร่งเติบโตส่งให้บทบาทของจีนและรัสเซียในเวทีนานาชาติ มั่นคงมีเครดิตสูงขึ้น หอกของสหรัฐฯทุกชนิดจึงหันหน้าสู่เป้าหมายคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างจีนโดยไม่ลดละ และกำลังเร่งเครื่องพายุความขัดแย้งในเอเชียแปซิฟิกอย่างเต็มที่ !!