จากที่สื่อเทเลแกรม ดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคง และอดีตประธานาธิบดีรัสเซีย เตือน ประธานาธิบดี “อันด์แชย์ ดูดา” ผู้นำโปแลนด์ อย่าเปรี้ยวให้มาก อย่าคิดว่า วอร์ซอเป็นส่วนหนึ่งของ NATO แล้วมอสโกจะเกรงกลัวนั้น
ทั้งนี้รายงานระบุถึงคำพูดของ ดมิทรี เมดเวเดฟ ที่กล่าวถึงโปแลนด์ก็แค่เด็กรับใช้มะกัน ท้าอีกถ้าหิวมาก ก็แค่ส่งทหารเข้ามา รัสเซียพร้อมเสริฟขีปนาวุธ “อิสกันเดอร์” ให้รับประทานเต็มที่
โดยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 สำนักข่าวทาซซ์และสปุ๊ตนิกรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟอดีตปธน.รัสเซีย ยืนยันว่า “อุตสาหกรรมของรัสเซียต้องตอบสนองความต้องการของกองทัพโดยไม่ล้มเหลว มีความจำเป็นไม่เพียงเพิ่มผลผลิตของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ แต่แน่นอนว่าต้องพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของกระสุนและใช้ทั้งความรู้ขั้นสูงและแนวคิดใหม่ ๆด้วย”
นอกจากนี้ เมดเวเดฟ ยังกล่าวว่า “ในขณะที่ปฏิบัติการทางทหารพิเศษดำเนินต่อไป ปริมาณการใช้กระสุนก็เพิ่มมากขึ้น ภารกิจของอุตสาหกรรมนี้คือการตอบสนองความต้องการของกองทัพรัสเซียอย่างเต็มที่และไม่ขาดตกบกพร่อง” เขากล่าวในที่ประชุมระหว่างการเยี่ยมชมโรงงานดินปืนคาซาน
ล่าสุดวันนี้ 15 เมษายน 2566 ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่าน Blockdit ถึงเหตุการณ์ในสหรัฐว่า “พรรคการเมืองใหญ่อเมริกาเสื่อมหนักแล้วครับ: ใส่ร้ายป้ายสีกันเอง
ยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง อเมริกาส่งทีมงานไปทำสงครามพันทาง ใช้สื่อเขียนข่าวเท็จขับไล่รัฐบาลโน้นรัฐบาลนี้ที พอไล่ได้แล้ว ก็ตั้งหุ่นเชิดตนเองเป็นผู้บริหารแทนจากนั้นก็ปล้นทรัพยากรธรรมชาติเขาไป
มาบัดนี้ ประชาชนในอเมริกาเกิดแตกแยกเป็นสองฝ่ายตามพรรคการใหญ่ ๒ พรรค แต่ละพรรคต่างมีสื่อเป็นของตนเอง บรรดาสื่อจึงแตกแยกเป็นสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างแต่งข่าวเท็จใส่ร้ายป้ายสีกันและกัน เละเป็นโจ๊กเลยตอนนี้
เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเกิดสงครามกลางเมืองครับ ต่างฝ่ายต่างต้องสร้างภาพให้อีกฝ่ายเป็นปีศาจเสียก่อน ประชาชนสองฝ่ายถึงจะสะสมความแค้น พอสะสมความแค้นได้ที่แล้วก็จะตะลุมบอนกัน สงครามกลางเมืองถึงค่อยเกิด”
ต่อมาในวันเดียวกันนี้ ดร.ปฐมพงษ์ ยังได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ในยูเครนที่มีโปแลนด์เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างมากว่า “เมดเวเดฟเตือนโปแลนด์แล้วน่ะ:
นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ออกมาสร้างภาพว่าอีกไม่นานกองทัพนาโต้ที่ช่วยยูเครนก็จะชนะและนาโต้มีสิทธิ์จะป้องกันตัวด้วย เมดเวเดฟจึงออกมาเตือนล่าสุด เห็นข่าวเมื่อวานนี้ว่า
ถ้าสงครามบานปลายถึงขนาดเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียกับนาโต้ ไม่เพียงแต่โปแลนด์เท่านั้นจะถูกรัสเซียถล่มจนหายไปจากแผนที่โลก แม้แต่นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ก็จะไม่เหลือด้วย ดุดันและตรงประเด็นมากครับ”