บ้านป่าเมืองเถื่อน!? ไบเดนเหลวแก้อาชญากรรมจากปืน กราดยิงในเด็กพุ่ง ๖๐% เคสธนาคารหลุยส์วิลล์ดับ ๖ เจ็บ ๘

0

วิกฤตสังคมสหรัฐในด้านอาชญากรรม ความรุนแรงจากปืนเข้าขั้นรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทำลายสถิติของประเทศอื่นๆทั่วโลกอย่างน่าตกตะลึง เสมือนหนึ่งภาพสะท้อนของต้นแบบเสรีภาพประชาธิปไตยที่เกินพอดี และไร้เสถียรภาพทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติ

สถิติปีนี้ยอดเด็กมะกันดับจากความรุนแรงเพราะปืนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เพิ่มขึ้นถึง ๖๐% สังคมมะกันเหลวแหลกอาชญากรรมพุ่ง ยาเสพติดระบาดไม่เฉพาะเมืองใหญ่แต่แพร่เข้าสู่สังคมชนบทของเมกาอย่างไร้การควบคุม

ดูเหมือนว่าสภาพสังคมวิกฤตขนาดนี้ผู้นำประเทศอย่างปธน.ไบเดนและทีมงานขาดความสนใจอย่างน่าประหลาดใจ เพราะพายุโหมทางเศรษฐิจและการเมืองโลกถาโถมใส่พร้อมๆกัน สะท้อนฝีมือผู้บริหารประเทศและจุดประสงค์ในการบริหารงานที่เน้นผลประโยชน์ของกลุ่มอิลิทที่สนับสนุนบัลลังก์อำนาจมากกว่าประชาชน ทุกสัปดาห์จะมีรายงานการกราดยิงในหลายแห่ง ซึ่งหลายฝ่ายอาจมองเป็นเรื่องปกติของสังคมอเมริกันจนเกิดความชินชา แต่ความจริงคือความเน่าเฟะที่สะสมในสังคมอเมริกันกำลังจะระเบิดพร้อมๆกันในไม่ช้า เมื่อโลกเปลี่ยน เมกาไม่สามารถสูบผลประโยชน์จากประเทศอื่นได้ง่ายๆเหมือนอดีต เปโตรดอลลาร์เสื่อม อำนาจเมกาก็ผุกร่อนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

วันที่ ๑๒ เม.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวซินหัวไทยและสปุ๊ตนิกรายงานการกราดยิงในหลุยส์วิลล์  มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย ๖ รายรวมถึงผู้ต้องสงสัยที่ธนาคารในตัวเมือง

ตำรวจหลุยวิลล์กำลังสอบสวนหลังจากมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตอย่างน้อย  รายที่ธนาคารแห่งหนึ่งในย่านดาวน์ทาวน์ของเมืองเมื่อเช้าวันจันทร์ มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย ๘ คน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ๒ นาย  เจ้าหน้าที่สืบสวนกล่าวเสริมมือปืนที่ต้องสงสัยคนเดียวก็ถูกสังหารเช่นกัน

พอล ฮัมฟรีย์ รองหัวหน้ากรมตำรวจเมืองหลุยส์วิลล์ (Kentucky, Deputy Police Chief Paul Humphrey) กล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ที่มาถึงที่เกิดเหตุ ถูกกระสุนปืนที่ยังคงยิงอยู่ภายในสถานที่ในขณะนั้น”

ตำรวจยิงตอบโต้กับมือปืนซึ่งเสียชีวิตหลังจากถูกยิง อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบแน่ชัดว่าเสียชีวิตจากกระสุนปืนของตำรวจหรือบาดแผลที่ทำร้ายตัวเอง

แอนดี เบเชียร์(Andy Beshear) ผู้ว่าการรัฐเคนตักกี้กล่าวว่า “เขาได้สูญเสียเพื่อนสนิทคนหนึ่งในเหตุกราดยิง ซึ่งตำรวจยืนยันแล้วว่าคือโทมัส เอลเลียต (Thomas Elliott) วัย ๖๓ ปี”

เหตุกราดยิงครั้งล่าสุดในหลุยส์วิลล์ ถือเป็นครั้งที่ ๑๔๖ ของปีนี้ โดยมีผู้เสียชีวิตจากความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนไปแล้วกว่า ๔,๙๐๐ ราย ตามข้อมูลอ้างอิงจากเว็บไซต์ Gun Violence Archive ซึ่งนับเฉพาะเหตุการณ์ที่มีผู้ถูกยิงหรือเสียชีวิตตั้งแต่ ๔ คนขึ้นไป ไม่รวมผู้ก่อเหตุ

นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังพบยอดเด็กดับจาก ‘ปืน’ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โกลบอล นิวส์ (Global News) รายงานว่าจำนวนเด็กชาวอเมริกันที่เสียชีวิตจากอาวุธปืนพุ่งสูงมาก เนื่องมาจากความรุนแรงจากปืนที่เพิ่มสูงในประเทศ ซึ่งนับเป็นแนวโน้มที่สร้างความกังวล หลังจากสหรัฐฯ เผชิญเหตุกราดยิงในโรงเรียนอีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคมปีนี้

แผนกข่าวและสถานการณ์ปัจจุบันของสถานีโทรทัศน์โกลบัล เทเลวิชัน เน็ตเวิร์ก (Global Television Network) ของแคนาดาในเครือCGTN อ้างอิงการวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยพิว (Pew) ที่เผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อน ระบุว่าเด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า ๑๘ ปี เสียชีวิตจากอาวุธปืนราว ๒,๕๙๐ รายในปี ๒๐๒๑ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง ๕๐% ตั้งแต่ปี ๒๐๑๙ ก่อนหน้าการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19

ผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) ชี้ว่าอัตราการเสียชีวิตของเด็กและวัยรุ่นยังพุ่งขึ้นเป็น ๓.๕ ราย ต่อผู้เยาว์ ๑๐๐,๐๐๐ คน ในช่วงเวลาสองปีดังกล่าว โดยสถิติทั้งสองถือเป็นตัวเลขสูงสุดตั้งแต่ปี ๑๙๙๙ ซึ่งเป็นช่วงที่ซีดีซี เริ่มรวบรวมข้อมูลประเภทนี้ในกลุ่มคนอายุต่ำกว่า ๑๘ ปีไว้ในฐานข้อมูลการเสียชีวิต

เมื่อปี ๒๐๒๑ การเสียชีวิตจากอาวุธปืนในเด็กสูงขึ้นถึง ๖๐% เป็นการฆาตกรรม ขณะที่ ๑ ใน ๓ เป็นการฆ่าตัวตาย และส่วนที่เหลือเป็นอุบัติเหตุ

เมื่อกลางปีที่แล้ว สถิติสหรัฐฯติดอันดับกลุ่มประเทศมี ‘ยอดดับจากปืน’ มากสุดโดยข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐฯ (CDC) เผยยอดการเสียชีวิตจากอาวุธปืนในประเทศเพิ่มอย่างต่อเนื่อง แตะที่ ๔๘,๘๓๒ ราย ในปี ๒๐๒๑ ซึ่งเป็นช่วงปีที่สองของการระบาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากกว่าสถิติเดิมเมื่อปี ๒๐๒๐

กัน ไวโอเลนซ์ อาร์ชีฟฟ์ (Gun Violence Archive) องค์กรวิจัยไม่แสวงหาผลกำไรของสหรัฐฯ ระบุว่าสหรัฐฯ รายงานเหตุ กราดยิงมากกว่า ๔๖๔ ครั้ง ภายในเวลาไม่ถึง ๓๐๐ วันของปีนี๒๐๒๒

เว็บไซต์ข่าววอลสตรีทเจอร์นัลของสหรัฐฯ ยังเปิดเผยว่าสหรัฐฯ ครองอันดับสูงหลายด้านในบรรดากลุ่มประเทศที่มีการเสียชีวิตด้วยปืนมากที่สุดต่อหัว เช่น ยอดเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายด้วยปืนเป็นอันดับหนึ่ง ยอดเสียชีวิตด้วยปืนโดยรวมมากที่สุดเป็นอันดับสอง และรายงานระบุว่าเหล่าผู้บัญญัติกฎหมายเชื่อว่าอัตราการเสียชีวิตจากปืนของสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับสูง มีปัจจัยจากกฎหมายครองอาวุธปืนที่ส่วนใหญ่อันหละหลวมในการควบคุม สหรัฐฯยังครองอันดับหนึ่งตัวเลขพลเรือนมีอาวุธปืนในครอบครอง ด้วยจำนวนปืน ๑๒๐.๕ กระบอก ต่อประชากร ๑๐๐ คน นี่เป็นสถิติที่มีรายงานตรวจสอบได้ ยังไม่นับปืนเถื่อน ปืนนอกกฎหมายที่ประกาศขายเกลื่อนเน็ต ประเมินภาพโดยรวมคือ คนอเมริกันมีปืนในครอบครองกันมากกว่า ๑ กระบอก  ในสังคมที่ตึงเครียดการแก้ปัญหาด้วยปืนจึงเกิดขึ้นทุกวันจนรายงานไม่ทัน ซ้ำเติมปัญหาการเมืองใหญ่ทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ!!