จีนประกาศความพร้อมในการ “สู้รบ” ในวันจันทร์ หลังจากที่จำลองการโจมตี ‘เป้าหมายหลัก’ ในไต้หวันด้วยการซ้อมรบ ๓ เหล่าทัพ ๓ วัน แสดงการปิดล้อมไต้หวันทุกทิศทางหากจีนตัดสินใจใช้กำลัง กล้าเปิดแผนให้เห็นท้าทายแบบโต้งๆ ด้านมะกันยั่วปักกิ่งส่งเรือพิฆาตแล่นเข้าทะเลจีนใต้ นอกหมู่เกาะสแปรตลี แต่ไม่ยักส่งเข้าช่องแคบเหมือนเคยๆ แสดงว่ายังไม่ต้องการปะทะซึ่งหน้าเวลานี้
วันที่ ๑๑ เม.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวโกลบัลไทมส์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่า พันเอกอาวุโสฉี ยี่ (Shi Yi) โฆษกของ PLA Eastern Theatre Command กล่าวในแถลงการณ์เมื่อเย็นวันจันทร์ว่า “กองบัญชาการภาคตะวันออกของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน (PLA) ได้เสร็จสิ้นภารกิจทั้งหมดในการลาดตระเวนแจ้งเตือนการสู้รบและการฝึก ‘United Sharp Sword’ หรือ“ผนึกดาบร่วม” รอบเกาะไต้หวัน ตั้งแต่วันเสาร์ถึงวันจันทร์ และการทดสอบที่ครอบคลุมความสามารถในการปฏิบัติการร่วมแบบบูรณาการของหลายๆ ฝ่าย การบริการทางทหารและสาขาภายใต้สถานการณ์การต่อสู้ที่สมจริง”
พันเอกฉี ยี่ กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า “เรือและเครื่องบินกำลัง“ปิดล้อม”ไต้หวัน เป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบเพื่อเป็นการเตือนและต่อต้านการสมรู้ร่วมคิดระหว่างกองกำลังแบ่งแยกดินแดนที่แสวงหา ‘เอกราชของไต้หวัน’ กับกองกำลังภายนอกและต่อต้านกิจกรรมยั่วยุของพวกเขา”
หวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบายว่า “การซ้อมรบทางทหารของจีนใกล้กับไต้หวันที่เปิดตัวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ควรถูกมองว่าเป็นการ“ตอบโต้”ต่อการเยือนสหรัฐฯ ของผู้นำเกาะ ไช่ อิงเหวิน”
“อันตรายที่แท้จริงต่อสันติภาพในภูมิภาคนี้มาจาก“กิจกรรมการแบ่งแยกดินแดน”ของคนที่สนับสนุนการแยกตัวของไต้หวันจากปักกิ่ง”
เขาเน้นย้ำว่า “การแบ่งแยกดินแดนของชาวไต้หวันขัดต่อนโยบาย ‘จีนเดียว’ ที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง หวังชี้ให้เห็น สาเหตุของเอกราชของไต้หวันไม่สอดคล้องกับสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน ดังนั้นจึงต้องต่อต้านอย่างเด็ดขาด”
ไต้หวันทำหน้าที่เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของกองกำลังชาตินิยมในช่วงสงครามกลางเมืองของจีน ซึ่งคอมมิวนิสต์ได้รับชัยชนะ แม้ว่าสหรัฐฯ จะหนุนหลังการบริหารเกาะมานานหลายทศวรรษ แต่ในปี ๒๕๒๒ สหรัฐฯได้รับรองสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการและสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนในฐานะตัวแทนแต่เพียงผู้เดียวของชาวจีน
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนเกี่ยวกับไต้หวันทวีความรุนแรงขึ้นมานานหลายปี ปักกิ่งกล่าวว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เยือนเกาะแห่งนี้และในทางกลับกันก็บ่อนทำลายอำนาจอธิปไตยของเกาะ การลุกเป็นไฟทางการทูตครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว เมื่อแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เยือนไทเปอย่างเป็นทางการ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ ทำลายประเพณีความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์ที่มีมายาวนาน ด้วยการกล่าวต่อสาธารณชนว่า กองทัพสหรัฐฯ จะเข้ามาปกป้องไต้หวัน หากจีนพยายามใช้กำลัง วอชิงตันยังได้เพิ่มการจัดหาอาวุธให้กับกองทัพไต้หวัน โดยอ้างว่าจำเป็นต้องทำเพื่อขัดขวางปักกิ่ง
นโยบายของจีนระบุว่าการรวมชาติอย่างสันติกับไต้หวันเป็นเป้าหมายหลัก แต่ ปักกิ่งปฏิเสธที่จะยกเลิกปฏิบัติการทางทหารเพื่อหยุดยั้งความพยายามของไต้หวันในการประกาศเอกราชอย่างเป็นทางการภายใต้การสนับสนุนจากภายนอก
กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า ตรวจพบเรือเดินสมุทร ๙ ลำและเครื่องบินรบ ๗๑ ลำใกล้เกาะตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ กระทรวงฯระบุว่า “เครื่องบิน ๔๕ ลำ รวมทั้งเครื่องบินรบ เครื่องบินตรวจการณ์ และโดรนของจีน ข้ามเขตระบุการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของเกาะ เครื่องบินลาดตระเวนของไต้หวัน รวมถึงเรือของกองทัพเรือและระบบขีปนาวุธบนบก ถูกเปิดใช้งานเพื่อตอบสนองต่อกิจกรรมเหล่านี้”
หลังไช่ อิงเหวินเดินทางกลับ ทางการใต้หวันได้ประกาศจะซ้อมรบเพื่อตอบโต้ปักกิ่ง
ด้านสหรัฐฯส่งเรือพิฆาตติดขีปนาวุธ เข้าสู่ทะเลจีนใต้ใกล้กับหมู่เกาะสแปรตลีย์หรือเกาะหนานชา โดยกองเรือที่ ๗ ของสหรัฐฯ แถลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
เรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีชั้นอาร์ลีกฮ์ เบิร์ก ยูเอสเอส มิลิอุส (Arleigh Burke USS Milius) หรือ DDG 69 ได้แล่นเข้าสู่ทะเลจีนใต้ใกล้กับหมู่เกาะสแปรตลี อ้างสิทธิและเสรีภาพในการเดินเรือ”
ก่อนหน้านี้ในเดือนมีนาคม USS Milius ได้เข้าสู่ทะเลจีนใต้ใกล้กับหมู่เกาะพาราเซล หรือเกาะซีชา (Paracel /Xisha) ปักกิ่งประณามการกระทำของสหรัฐฯ โดยกล่าวว่าเรือพิฆาตสหรัฐฯ “เข้า” พื้นที่อย่างผิดกฎหมาย “โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลจีน บั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพในทะเลจีนใต้”
อาณาเขตของหมู่เกาะหลายแห่งในทะเลจีนใต้เป็นประเด็นข้อพิพาทระหว่างจีนกับบางประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมานานหลายทศวรรษ มีการค้นพบน้ำมันและก๊าซสำรองจำนวนมากบนไหล่ทวีปของเกาะเหล่านั้น ซึ่งอย่างแรกคือหมู่เกาะพาราเซล หมู่เกาะสแปรตลี เกาะทิตู และสันดอนสการ์โบโรห์ เวียดนาม บรูไน มาเลเซีย ไต้หวัน และฟิลิปปินส์มีส่วนร่วมในข้อพิพาทในระดับหนึ่ง และมีการเจรจาแก้ปัญหามาโดยตลอด หลังจากสหรัฐเข้ามาขอมีส่วนร่วม ก็ทำให้ความขัดแย้งขยายวงมากขึ้นจากที่คุยกันได้กลายเป็นคุยกันไม่ได้ และเริ่มนำฐานทัพ และกำลังทหารเข้ามาซ้อมรบในย่านนี้ถี่ขึ่น ประกาศชัดเพื่อต่อต้านอิทธิพลจีน
