ศาลพัทยาสั่งจำคุก’สำเริง-วรชัย’ 4 ปี บุกล้มประชุมอาเซียนซัมมิท ออกหมายจับ พ.ต.ท.ไวพจน์

0

สืบเนื่องจากที่ศาลจังหวัดพัทยา จ.ชลบุรี นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รวม 12 ราย ได้แก่ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง, นายนพพร นามเชียงใต้, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์, นายสมญศฆ์ พรมภา, นายนิสิต สินธุไพร, นายสำเริง ประจำเรือ, นายศักดา นพสิทธิ์, นายสิงห์ทอง บัวชุม, นายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อย หรือเกิดดี, นายวรชัย เหมะ, นายพายัพ ปั้นเกตุ, นายวัลลภ ยังตรง และนายพิเชฐ สุขจินดาทอง เป็นจำเลย (ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องนายธรชัย ศักดิ์มังกร และ พ.ต.อ.สมพล รัฐกาญจน์ และสั่งจำหน่ายคดี พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ และนายสุรชัย แซ่ด่าน เนื่องจากหลบหนี) คดีที่จำเลยร่วมกันพากลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมสุดยอดอาเซียน ที่โรงแรมรอยัลคลิฟบีช รีสอร์ท เมื่อปี 2552 สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

 

ต่อมา พ.ต.ท.ไวพจน์ นายสำเริง และนายวรชัย ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การ เพื่อรับสารภาพ จากเดิมที่ปฏิเสธมาตั้งแต่ศาลชั้นต้น หลังจากนี้ศาลจังหวัดพัทยาจะส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยใหม่อีกครั้ง ซึ่งศาลจังหวัดพัทยาได้รับแจ้งจากศาลฎีกาว่า ไม่สามารถทำคำสั่งให้แล้วเสร็จได้ในทันที แต่ขอเวลาทำคำสั่ง 15 วัน จึงเลื่อนไปนัดอ่านคำพิพากษาให้ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมะ ฟังอีกครั้ง ในวันที่ 3 ธ.ค. 2562 เวลา 10.00 น.

 

ส่วนจำเลยราย นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง หรือกี้ร์ นพ.วัลลภ ยังตรง นายธนกฤต หรือวันชนะ ชะเอมน้อย พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์ และนายสุรชัย แซ่ด่าน นั้น ศาลออกหมายจับครบ 1 เดือนแล้วยังไม่ได้มา ให้ถือว่าอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาลับหลังจำเลยดังกล่าวแล้ว ให้ออกหมายจับมาปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป โดยก่อนหน้านี้จำเลยที่ถูกออกหมายจับทั้ง 5 รายดังกล่าว ถูกศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ จำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา
ล่าสุด ศาลฎีกา จังหวัดพัทยา พิพากษาให้นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมะ จำคุกเป็นเวลา 4 ปี ในคดีล้มการประชุมอาเซียน เมื่อปี 52 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีคำพิพากษาจำคุกจำเลย 12 คนไปแล้ว ส่วนพันตำรวจโทไวพจน์ อาภรรัตน์ ศาลได้ออกหมายเรียกให้มาฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 15 มกราคม ปีหน้า

กว่า 6 ชั่วโมงในการพิจารณารวมถึงการอ่านคำพิพากษา ของศาลฎีกา ในคดีการล้มประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อปี 2552 ซึ่งที่สุดแล้วศาลฎีกาพิพากษาจำคุกนายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมะ เป็นเวลา 4 ปี เนื่องจากศาลฯ มองว่าการกลับคำรับสารภาพใหม่ในชั้นฎีกา ฟังไม่ขึ้น ศาลฯ จึงยกคำร้องและยืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

 

นายณัฐพล ปัญญาสูง ทนายความของแกนนำ นปช. เปิดเผยว่า ในกรณีของนายสำเริงและนายวรชัยเป็นการกลับคำศาลาภาพในชั้นฎีกาซึ่งไม่สามารถกระทำได้ จึงยกคำร้อง ส่วนกรณีของพ.ต.ท.ไวพจน์ ศาลก็ให้มาฟังคำพิพากษา ในวันที่ 15 มกราคมปีหน้า

 

คดีนี้เป็นการพิพากษาครั้งที่ 2 ในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา เป็นโจทก์ร่วมฟ้องในความผิดความมั่นคงของรัฐ ก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นความผิดที่เกิดจากการบุกล้มการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ครั้งที่ 14 ระหว่างวันที่ 9-12 เมษายน ปี 2552 จัดขึ้นที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี

โดยคดีนี้ ศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำเลย 12 คน โดยสั่งจำคุก 4 ปีไม่รอลงอาญา ซึ่งก่อนหน้านี้ มีจำเลย 5 คนมาฟังคำพากษา และอยู่ในเรือนจำแล้ว ส่วนจำเลยอีก 4 คนที่ยังไม่มาฟังคำพิพากษาทำให้ศาลออกหมายจับแล้ว และสุดท้ายวันนี้  นายวรชัย และนายสำเริง ก็มาฟังคำพิพากษาและถูกจำคุกเป็นเวลา 4 ปี ส่วนพ.ต.ท.ไวพจน์ อ้างเอกสิทธิ์ ส.ส. จึงไม่มาฟังคำพิพาษา

ส่วนกรณีของพ.ต.ท.ไวพจน์  ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ  ศาลได้ยกคำร้องขอเลื่อนฟังคำสั่งคดี   โดยเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องกับสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมออกหมายจับ ให้มาฟังคำสั่้งคดีในวันที่ 15 มกราคม 2563