ขณะที่ทั่วโลกจับตาการมาเยือนจีนของปธน.ฝรั่งเศสและประธานกรรมาธิการยุโรปว่าจะทำให้ดุลอำนาจระหว่างสองขั้วอำนาจ ฝ่ายอำนาจเดี่ยวที่นำโดยสหรัฐฯกับฝ่ายอำนาจหลายขั้วที่มีรัสเซียและจีนเป็นแกนนำสำคัญ จะมีการเปลี่ยนแปลง
แต่เมื่อผู้นำทั้งสามพบกันผลก็ออกมาชัดว่าไม่มีการกระเพื่อม เพราะทั้งฝรั่สเศสและอียูมาพบสี จิ้นผิงเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตน แต่แสดงจุดยืนทางทหารว่าไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้งยังแสดงอาการกร่างออกไปทางข่มขู่อย่างไม่เกรงใจก่อความน่าเบื่อและน่ารำคาญสำหรับผู้นำจีนอย่างมาก
ภาพการจัดความสัมพันธ์ระหว่างปธน.สี จิ้นผิงกับผู้นำฝรั่งเศสและอียู ช่างแตกต่างจากคราวไปพบปธน.ปูตินอย่างชัดเจน
วันที่ ๗ เม.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า สื่อสำคัญของมะกันอย่างโปลิติโก ได้ออกบทวิเคราะห์การเยือนจีนของปธน.มาครง(Macron)ว่า ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดของปธน.สี จิ้นผิงแห่งจีนในเรื่องยกระดับสัมพันธ์กับรัสเซียและจุดยืนกรณียูเครนได้
มีรายงานว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศสพยายาม “ผลักดัน” จีนออกห่างจากรัสเซียในศึกยูเครน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน รู้สึกไม่สบายใจกับวาทศิลป์ของเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ปารีสพยายามทั้งอุทธรณ์และขู่เข็ญเพื่อกดดันให้ปักกิ่งประณามมอสโกว์ ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลเพียงเล็กน้อย
มาครงกล่าวว่า “ฉันรู้ว่าฉันวางใจได้ว่าคุณจะนำรัสเซียมาสู่ความรู้สึกและทุกคนเข้าสู่โต๊ะเจรจา” ก่อนหน้านี้ เขาบอกกับนักข่าวชาวฝรั่งเศสว่า“ใครก็ตามที่ช่วยเหลือผู้รุกรานจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ” ไม่ยักมีใครส่งกระจกให้มาครงส่องตัวเองบ้าง
สีตอบโต้ด้วยการกล่าวว่า “จีนยินดีที่จะร่วมกับฝรั่งเศสเรียกร้องต่อประชาคมระหว่างประเทศให้คงอยู่อย่างมีเหตุผลและสงบ” “ควรกลับมาพูดคุยสันติภาพอีกครั้งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยคำนึงถึงข้อกังวลด้านความมั่นคงที่สมเหตุสมผลของทุกฝ่ายโดยอ้างอิงกฎบัตรสหประชาชาติ แสวงหาข้อยุติทางการเมืองและสร้างกรอบความมั่นคงของยุโรปที่สมดุล มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน” การทูตก็ว่ากันไปแต่การทหารดุขึ้นอย่างชัดเจน
สื่อโปลิติโกระบุชัคว่า มาครงเสียมารยาทตามพิธีการโดยพูดนานเกือบสองเท่าของสี และหันไปเรียกร้องให้จีนประณาม“สงครามที่รัสเซียทำกับยูเครน” สี“ดูอึดอัดและหงุดหงิด”ขณะที่ มาครงพูดไม่หยุด และ“ถอนหายใจลึก ๆ หลายครั้ง”
ฝรั่งเศสประกาศการเดินทางเยือนจีนหลังจากที่สีใช้เวลา ๓ วันในมอสโกว์อย่างแน่นแฟ้นกับปูติน โดยลงนามข้อตกลงหลายฉบับกับรัสเซีย มีอยู่ช่วงหนึ่ง ผู้นำจีนที่ยิ้มแย้มคนนี้ได้บอกปูตินว่าทั้งสองประเทศกำลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่โลกไม่เคยเห็นมากว่าศตวรรษ
ในขณะเดียวกันตัวมาครงเองก็ประสบปัญหาที่บ้าน การนัดหยุดงานของเจ้าหน้าที่สหภาพและอาชีพอื่นๆทำให้ปารีสถูกฝังอยู่ในกองขยะ ขณะที่การประท้วงจำนวนมากเพื่อต่อต้านการปฏิรูปการเกษียณอายุซึ่งมาครงกำหนดโดยกฤษฎีกาโดยไม่ผ่านรัฐสภา และการชุมนุมต่อต้านนาโต้ ยังคงดำเนินต่อไปทั่วฝรั่งเศส แบบสำรวจใหม่แสดงให้เห็นว่าคู่แข่งของเขาคือมารีน เลอเปน (Marine Le Pen) ได้รับความนิยมมากขึ้น
ด้านเออร์ซูลา ฟอน เดอเลเยน(Ursula von der Leyen) ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งมาครงควงแขนมาด้วยเพือแสดง “ความเป็นเอกภาพของยุโรป”ได้พบกับ สีในวันพฤหัสบดี มีการประชุมทวิภาคีหลายครั้งทั้งจีน-ฝรั่งเศสและจีนกับอียู
เลเยนปรากฏตัวที่งานแถลงข่าวด้วยตัวเองในเย็นวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยพูดซ้ำประเด็นของบรัสเซลส์โดยไม่คำนึงถึงเจ้าภาพมากนัก ซ้ำยังพูดถึงจุดยืนหนุนไต้หวัน โดยกล่าวว่าการข่มขู่บังคับเพื่อเปลี่ยนสถานะเป็น”สิ่งที่ยอมรับไม่ได้” พร้อมทั้งโต้แย้งว่าการจัดหาอาวุธให้รัสเซียจะ“ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสหภาพยุโรปและจีนอย่างมีนัยสำคัญ” และบรัสเซลส์คาดหวังว่าปักกิ่งจะ“แสดงบทบาทของตนและส่งเสริมสันติภาพที่เป็นธรรม ซึ่งเคารพในอธิปไตยเหนือดินแดนของยูเครน”
พฤติกรรมของแองโกลแซกซอนในนามฝรั่งเศสและยุโรปอดีตนักล่าอาณานิคม ยังคงมองว่าจีนนั้นต่ำต้อยกว่าตัวและไม่สนใจมารยาททางการทูต สะท้อนธาตุแท้ที่ดิบเถือนภายใต้หน้ากากผู้ดีผู้ถือธงสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ขนาดสื่อพวกเดียวกันยังอดฉายภาพน่าอเน็จอนาถของการทูตครั้งนี้ว่า ไร้ศักดิ์ศรีแค่ไหน ปากก็ก่นด่ารัสเซีย ขู่จีนและก้มหัวมาขอให้ช่วยเรื่องเศรษฐกิจ!!
ในห้วงเวลาเดียวกันนี้เอง จีนออกคำเตือนสหรัฐฯและนาโต้เรื่องยูเครนอย่างเจ็บจี๊ดว่าตะวันตกมี ‘ความรับผิดชอบที่ชัดเจน’ เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เหมา หนิง กล่าวระหว่างการแถลงข่าวในวันเดียวกันนั้นว่า “สหรัฐฯ และกลุ่มทหารของนาโต้ ไม่ใช่จีน ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อวิกฤตในยูเครน และไม่มีจุดยืนทางศีลธรรมที่จะวิพากษ์วิจารณ์ปักกิ่ง
“ในวิกฤตยูเครน จีนยึดมั่นในจุดยืนที่เที่ยงธรรม เราสนับสนุนการยุติวิกฤตทางการเมืองและทำงานเพื่อการเจรจาเพื่อสันติภาพ และนี่เป็นกลยุทธ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศส่วนใหญ่ในโลก” ประวัติศาสตร์จะบอกว่าใครคือผู้ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความยุติธรรมอย่างแท้จริง”
สหรัฐฯได้คว่ำบาตรบริษัทจีนหลายแห่งที่ถูกกล่าวหาว่าจัดหาชิ้นส่วนที่ใช้ในโดรนของอิหร่าน ซึ่งวอชิงตันอ้างว่ารัสเซียนำไปใช้ในยูเครน และกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศมาตรการคว่ำบาตรบริษัทจีน ๕ แห่ง และอ้าง“ รับผิดชอบการขายและจัดส่งชิ้นส่วนอวกาศหลายพันชิ้น ” ไปยังอิหร่าน รวมถึงชิ้นส่วนที่สามารถใช้ผลิตโดรนได้ แต่ฝรั่งเศสและอียูกลับหนีมาเยือนจีน ฝรั่งเศสมีการเจรจาทวิภาคีทางด้านการค้าแต่อียูไม่มีจับคู่มาแบบการเมืองล้วนๆ รอชมเยอรมนีที่กำลังตามหลังมาว่าจะมีท่าทีแบบเดียวกันหรือไม่ ปากแข็งกร้าวข่มขู่แต่แบมือขอเรื่องเศรษฐกิจ??