ที่กรุงบรัสเซลส์ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ NATO องค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ พันธมิตรทางทหารที่จัดตั้งโดยสหรัฐอเมริกา มีการประท้วงเพื่อจุดพลุประเด็นบทบาทพันธมิตรทหารนาโต้ที่ทำสงครามเป็นหลัก สร้างความทุกข์ยากแก่ชาวโลกมาตลอดตั้งแต่ก่อตั้ง ขณะที่กระแสต้านนาโต้ในยุโรปได้ขยายวงอย่างกว้างขวาง มีการประท้วงทั้งในเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลีและในสภาฯของประเทศเหล่านั้น มีการต่อต้านถกกันเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
บางประเทศทั้งที่เป็นสมาชิกนาโต้และนอกนาโต้ก็เกิดกระแสไม่เอาสงครามทั่วหน้า หลายประเทศที่มีการเลือกตั้ง ประชาชนหันไปเลือกพรรคอนุรักษ์นิยมเทรัฐบาลที่เดินตามวอชิงตัน จนยุโรปกำลังตกอยู่ในอันตรายที่จะล่มสลายทางเศรษฐกิจ แม้แต่สวิสเซอร์แลนด์ซึ่งอ้างว่าเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่กลับคว่ำบาตรรัสเซียยึดทรัพย์รัสเซียจนหมดเครดิต แม้จะมีมติคืนเงินรัสเซียที่ยึดมา แต่สายเกินไปเพราะเศรษฐีทั่วโลกยังพากันแห่ถอนเงินสดออกอย่างต่อเนื่อง เพราะกลัวโดนยึดเหมือนรัสเซีย
วันที่ ๕ เม.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์รายงานว่า การชุมนุมต่อต้านการส่งอาวุธไปยังยูเครน เริ่มขึ้นใกล้กับสำนักงานใหญ่ของนาโต้เป็นครั้งแรก
การชุมนุมครั้งนี้ริเริ่มโดยสมาคม SOS Donbass ซึ่งจัดการขบวนการ StopKillingDonbass มีเป้าหมายของการเคลื่อนไหวคือการหยุดยั้งอาชญากรรมที่กระทำต่อประชาชนในดินแดนดอนบาสที่ดำเนินมากว่า ๘ ปี
แอนนา โนวิโควา(Anna Novikova) ผู้นำกลุ่มSOS Donbass กล่าวว่า “NATO ต้องหยุดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์แก่ยูเครนและเรียกร้องให้มีการเจรจากับมอสโกว์”
“ทางกลุ่มเลือกวันที่ ๔ เมษายน ซึ่งเป็นวันก่อตั้งนาโต้ รวมพลชุมนุมประท้วงระหว่างประเทศ เพื่อต่อต้านการขนส่งอาวุธสำหรับยูเครน และเปิดโปงบทบาทที่ร้ายกาจเน้นสงครามขององค์กรนี้”
แอนนากล่าวย้ำว่า “เป้าหมายของเราคือการเตือนให้โลกรู้ว่าวันที่ ๔ เมษายน ซึ่งเป็นวันสถาปนานาโต้ ซึ่งเป็นผู้ก่อสงครามมาตลอด ๗๔ ปีที่ผ่านมา ใครคือผู้รุกรานตัวจริง และเหตุใดจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องหยุดอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ยูเครนทันที ก่อนที่คนจะตายหมด และสายเกินไปที่จะแก้ไข”
ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศของ NATO หารือเกี่ยวกับโครงการระยะยาวใหม่ของการจัดส่งอาวุธไปยังเคียฟ แม้การชุมนุมในวันนี้จะมีผู้เข้าร่วมประมาณ ๕๐ คนและได้ประสานกับการเคลื่อนไหวต่อต้านNATOในระดับนานาชาติด้วย
ในวันเดียวกันนี้ซึ่งธงของฟินแลนด์ได้โปกสะบัดในแถวธงของสมาชิกนาโต้รายที่ ที่ได้ปักหมุดเป็นคู่รบกับรัสเซียแล้วอย่างไม่เป็นทางการ ทางด้านจีนได้ออกมาวิเคราะห์ฐานะบทบาทของยุโรปที่เข้าร่วมกับองค์กรทางทหารนี้อย่างเผ็ดร้อน
สำนักข่าวโกลบัลไทมส์ระบุว่า “เมื่อธงชาติฟินแลนด์ชักขึ้นเป็นครั้งแรกนอกสำนักงานใหญ่ของ NATO ประเทศในกลุ่มนอร์ดิกได้กลายเป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ ๓๑ ของ NATO อย่างเป็นทางการในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึง Antony Blinken รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ผ่านมาที่กรุงบรัสเซลส์ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ จากนโยบายความเป็นกลางแบบดั้งเดิมของกลุ่มประเทศนอร์ดิก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชาวจีนเชื่อว่าขณะนี้ได้ผลักดันฟินแลนด์ให้อยู่แถวหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับรัสเซีย และอาจกระตุ้นมอสโกว์ให้เพิ่มการติดตั้งนิวเคลียร์ใกล้ชายแดนมากขึ้น ทำให้ภาพรวมด้านความมั่นคงของยุโรปมีความไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้นไปอีก
ในการตอบสนองเหตุการณ์นี้ โฆษกของเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ เตือนเมื่อวันอังคารว่า การเป็นสมาชิก NATO ของฟินแลนด์จะบังคับให้รัสเซีย “ใช้มาตรการตอบโต้เพื่อรับรองความปลอดภัยทางยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ของเราเอง” เนื่องจากแนวร่วมทางทหารของเฮลซิงกิเป็น “การยกระดับสถานการณ์” และ “การรุกล้ำความมั่นคงของรัสเซีย “
อเล็กซานเดอร์ กรัชโก รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย(Deputy Foreign Minister Alexander Grushko) ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า มอสโกว์จะเพิ่มขีดความสามารถทางทหารในภูมิภาคตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ “ในกรณีของการส่งกองกำลังของสมาชิกนาโต้รายอื่นในดินแดนฟินแลนด์ เราจะใช้ขั้นตอนเพิ่มเติมเพื่อรับประกันความมั่นคงทางทหารของรัสเซีย”
ซุย เฮง(Cui Heng) ผู้ช่วยนักวิจัยจาก Center for Russian Studies of East China Normal University กล่าวว่า“สำหรับประเทศที่อยู่ระหว่างมหาอำนาจ การไม่เลือกข้างถือเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผล” ฟินแลนด์มีความสมบูรณ์ การละทิ้งความเป็นกลางและวางตนเป็นแนวหน้าในการเผชิญหน้ากับรัสเซียของ NATO จะเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของฟินแลนด์เองอย่างไม่ต้องสงสัย ขณะนี้ขีปนาวุธของนาโต้อยู่ใกล้รัสเซียมาก จึงไม่น่าแปลกใจหากขีปนาวุธจะถูกส่งไปยังฟินแลนด์ในอนาคต”
หลี่ ไฮดง(Li Haidong) ศาสตราจารย์แห่งสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแห่งมหาวิทยาลัย China Foreign Affairs กล่าวว่า “มันอันตรายอย่างยิ่งและไร้ความรับผิดชอบสำหรับนาโต้ที่จะบังคับให้รัสเซียต้องแสดงแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์” นาโต้วางแนวหน้าในการป้องปรามรัสเซียด้วยการให้ฟินแลนด์เป็นสมาชิก NATO และรัสเซียสร้างแนวหน้าในการป้องปรามด้วยการติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในเบลารุส ดังนั้นกลยุทธ์ของทั้งสองฝ่ายจึงค่อนข้างสอดคล้องกัน!!
ไม่ว่าจีนจะพยายามชูธงสันติภาพแค่ไหน แต่ดูเหมือนว่ามหาอำนาจเดี่ยวแองโกลแซกซอนที่นำโดยสหรัฐฯไม่มีวันยอมวางมือเพราะขาลงสุดแล้ว ด้วยอำนาจดอลลาร์ดิ่งลงเร็วกว่าที่คาดและอำนาจในการบังคับประเทศอื่นก็ลดลงด้วยเพราะพันธมิตกลุ่มอำนาจหลายขั้วได้จับมือกันแน่นแฟ้นขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนโลกวันนี้จึงซับซ้อนและอันตรายที่จะเกิดสงครามใหญ่ชิงการนำรีเซ็ตโลก ใครจะเป็นผู้ชนะกุมบังเหียนนิวเวิร์ลออเดอร์???