จากเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2566 Blockdit World Update ออกมารายงานถึง ซาอุฯ-รัสเซีย ได้นำ OPEC Plus ลดผลิตน้ำมัน ซ้ำเติมวิกฤติยุโรป โดยทันทีที่มีประกาศจะทำให้ราคาพุ่งขึ้นทันที 8 % โดยเฉพาะฝรั่งเศสที่จะได้รับผลกระทบอย่างมาก!!!
ทั้งนี้ด้วยทวีปยุโรป เป็นทวีปที่ไม่สามารถผลิตพลังงานน้ำมันดิบ และกลั่นใช้เพียงพอ ต้องนำเข้าจากกลุ่ม Opec Plus ที่นำโดยซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย และยี่ปั้วอินเดีย จีน ตุรกี เท่านั้น เมื่อใดที่กลุ่ม Opec Plus ลดกำลังผลิตลง หมายความว่าน้ำมันในโควต้าของยุโรป จะหายไป ราคาจะทะยานขึ้น
Opec Plus นำโดยฝ่ายจัดระเบียบโลกใหม่ซาอุดิอาระเบีย และรัสเซีย ประกาศพร้อมใจกันลดกำลังการผลิตน้ำมันลงราว 1.16 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ในจำนวนนี้ ซาอุฯ ลดลง 500,000 บาร์เรล/วัน UAEลดลง 144,000 บาร์เรล, คูเวตลดลง 128,000 บาร์เรล , อิรักลดลง 211,000 บาร์เรล , แอลจีเรีย ลดลง 48,000 บาร์เรล , โอมานลดลง 40,000 บาร์เรล/วันตามลำดับ
ขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานด้วยว่า ข้อตกลงใหม่ของโอเปกพลัส ในการปรับลดกำลังผลิตเพิ่มเติมจะก่อความเสียหายครั้งใหม่แก่เศรษฐกิจฝรั่งเศส และก่อปัญหาปวดหัวแก่บรูโน เลอแมร์ รัฐมนตรีคลัง จากมุมมองของ ฟลอริย็อง ฟิลิปโปต์ หัวหน้าพรรคฝ่ายขวา Les Patriotes (พรรครักชาติ) เมื่อช่วงสุดสัปดาห์
ฟิลิปโปต์ เขียนบนทวิตเตอร์ว่า “บรูโน เลอแมร์ ซึ่งตั้งใจจะทำให้เศรษฐกิจรัสเซียล่มสลาย ถูกตบหน้าฉาดใหญ่อีกครั้ง”โดยนักการเมืองรายนี้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อตกลงหนึ่งที่เปิดตัวโดยกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก
ในนั้นรวมถึงรัสเซีย ซาอุดีอาระเบีย อิรัก คูเวต และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในการปรับลดกำลังผลิตสูงสุด 1.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงสิ้นปี 2023
การเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่กำลังมาถึงในด้านกำลังผลิตน้ำมันจะนำมาซึ่งราคาที่พุ่งสูง โดยล่าสุดสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้นถึง 4.75 ดอลลาร์ ในการซื้อขายวันที่ 3 เม.ย. ราคาที่กลับมาพุ่งทะยานเกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ และอียูยังคงดิ้นรนต่อสู้กับวิกฤตพลังงาน
บรรดาประเทศตะวันตกพยายามสกัดรายได้ของรัสเซียจากการขายน้ำมัน ส่วนหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรตอบโต้กรณีมอสโกเปิดปฏิบัติการทางทหารในยูเครน
บรูโน เลอแมร์ เคยบอกในเดือนมีนาคม 2565 ว่าเป้าหมายสงครามเศรษฐกิจและการเงินของอียู คือการทำให้เศรษฐกิจของรัสเซียล่มสลาย
ในเดือนมกราคม อเล็กซานเดอร์ โนวัค รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย กล่าวว่าแม้ถูกคว่ำบาตร แต่พบเห็นรายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซของประเทศเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ในปี 2565
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2566 สำนักข่าวโกลบัลไทมส์ รายงานด้วยว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส และประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเออร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน กำลังจะเดินทางเยือนจีน
และมีแนวโน้มว่ารัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีอันนาเลนา แบร์บอคจะตามมาด้วย ในช่วงกลางเดือนเมษายนนี้ วาระทางการทูตที่แสนวุ่นวาย แต่บ่งบอกความเนื้อหอมของประธานาธิบดี สี จิ้นผิงของจีนยังคงดำเนินต่อไป