เรื่องร้อนกลางบ้านเกิดปูติน บล็อกเกอร์ทหารรัสเซียวลาดเลน ทาทาร์สกี้ถูกสังหารโดยผู้ก่อการร้ายวางระเบิดในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก หน่วยFBรัสเซียทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพตามจับคนร้ายได้ทันควันพบว่าเป็นหญิงที่มีสายพันธ์กับกองกำลังยูเครนและมูลนิธินาวาลนีผู้นำต่อต้านปูตินที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ
วันนี้วลาดเลน ทาทาร์สกี้ได้รับการยกย่องและปูนบำเหน็จทั้งจากปธน.ปูติน และผู้นำวาร์กเนอร์
ประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซียได้มอบเครื่องอิสริยาภรณ์แห่งความกล้าหาญOrder of Courage แก่ทาทาร์สกี ในฐานะผู้กล้าหาญและทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ
ด้านผู้นำวาร์กเนอร์ นอกจากจะปักธงที่เขียนเชิดชูเกียรติให้ ทาทาร์สกี้กลางเมืองบัคมุตแล้ว เยฟกินี ปริโกชินโพตต์เสนอชื่อเขาให้เป็นสมาชิกของบริษัททหารเอกชน Wagner Group เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หากครอบครัวของ Tatarsky ยินยอม สิ่งนี้จะทำให้พวกเขาได้รับสิทธิประโยชน์ของผู้รอดชีวิตและสิทธิพิเศษอื่นๆจากองค์กร
Tatarsky ไม่ได้เป็นสมาชิกของ Wagner แต่มีรายงานว่าเขาเคยทำงานกับกองร้อยทหารเอกชนดังกล่าว และส่งเสริมความพยายามในการช่วยเหลือปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน
เขาถูกสังหารในวันอาทิตย์ที่ผ่านมาในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อระเบิดแสวงเครื่องที่ซ่อนอยู่ในรูปปั้นของขวัญเกิดระเบิดขึ้นระหว่างงานกิจกรรมที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งที่ Prigozhin มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจด้วย มีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า ๓๐ คนจากแรงระเบิด บางรายอาการสาหัส มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กหญิงอายุ ๑๔ ปี
ทาทาร์สกีมีชื่อจริงว่า มักซิม โฟมินเกิดในดอนบาส เขาเข้าร่วมกองกำลังอาสาสมัครท้องถิ่นในปี ๒๕๕๗ หลังการรัฐประหารของไมดานในเคียฟที่สหรัฐหนุนหลัง และต่อสู้จนถึงปี ๒๕๖๒ เมื่อเขารวมตัวกันและย้ายไปมอสโกว์ ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ หลังจากเริ่มปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย เขากลับมาที่ Donbass ในฐานะบล็อกเกอร์ทางทหาร และรายงานเกี่ยวกับการพัฒนาการสู้รบในพื้นที่เป็นประจำทุกวัน
ด้านส.ว.สภาสูงรัสเซียออกมาประณามการลอบสังหารบล็อกเกอร์สงครามทาทาร์สกีว่าเป็นฝีมือ’ยั่วยุของยูเครน’
ส.ว.วิคเตอร์ บอนดาเรฟ ประธานกรรมธิการความมั่นคงรัสเซีย (Chairman of the Federation Council’s Defense and Security Committee Viktor Bondarev) กล่าวว่า “การก่อการร้ายที่ทำให้วลาดเลนเสียชีวิตเป็นการกระทำที่น่าละอายและยั่วยุโดยฝ่ายยูเครน ซึ่งล้มเหลวในการเอาชนะเขาในการต่อสู้ที่ยุติธรรม แต่ฆ่าเขาด้วยวิธีการน่าขยะแขยง”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักข่าวสองฝ่ายทั้ง จารชนที่แฝงมาในรูปนักข่าวของสหรัฐสังกัดวอลสตรีทเจอร์นัล กับบล็อกเกอร์ข่าวทหารของรัสเซีย ช่างต่างกันฟ้ากับเหวสะท้อนเนื้อแท้บรรดาตะวันตกทั้งหลายว่า หากเป็นพวกเดียวกันทำชั่วแค่ไหนต้องปกป้องโวยวายให้ปล่อยอ้างสิทธิเสรีภาพลูกเดียว แต่หากเป็นฝั่งรัสเซียนอกจากไม่ลงข่าว ยังไม่เรียกร้องหาความยุติธรรมให้ทั้งๆที่เป็นฆาตกรรมโดยการก่อการร้ายชัดๆ มันเกินคำว่าสองมาตรฐานไปแล้ว
วันที่ ๔ เม.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์,ทาซซ์และสปุ๊ตนิก รายงานตรงกันว่า คนร้ายสังหารบล็อกเกอร์ข่าวทหารรัสเซีย เป็นผู้หญิงที่มอบรูปปั้นแก่ Tatarsky ถูกระบุว่าคือดรายา เตรโปวา (Darya Trepova) ผู้สนับสนุนของอเล็กซี นาวาลนี Alexey Navalny ผู้นำต้านปูติน ที่ถูกคุมขังในคดีอาญาเรื่องคอรัปชั่น เธอถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้ภายในหนึ่งชั่วโมง คณะกรรมการต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติของรัสเซีย (NAC) กล่าวว่าการก่อการร้ายนี้วางแผนโดย Security Service of Ukraine หรือหน่วยSBU
ทาทาร์สกี เป็นเพื่อนของดาร์ยา ดูจินา (Darya Dugina) นักข่าวชาวรัสเซียผู้ซึ่งถูกสังหารเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ด้วยคาร์บอมบ์ที่ชานเมืองมอสโกว์ แม้ว่าเคียฟจะปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดของผู้ก่อการร้ายที่สังหารดูจินา แม้ว่าผู้ต้องสงสัยคนสำคัญจะเป็นสมาชิกของกองทัพยูเครน แต่ต่อมา สายลับสหรัฐฯ ก็กล่าวโทษเองว่าบางคนในรัฐบาลยูเครนเป็นผู้ก่อเหตุ
หญิงคนร้ายยอมรับว่านำระเบิดปลอมเป็นรูปปั้นเข้าร่วมการประชุม อ้างว่าเธอได้รับคัดเลือกจากนักข่าวที่เชื่อมโยงกับหน่วยรักษาความปลอดภัยของยูเครน สื่อรัสเซียรายงานว่า อิลยา โปโนมาเรฟ อดีตรองผู้ว่าการรัฐดูมาของรัสเซียที่ถูกเนรเทศ ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในเคียฟ อ้างเมื่อวันจันทร์ว่าเขารู้จักผู้บงการเบื้องหลังการโจมตี แต่ปฏิเสธความเชื่อมโยงใดๆ กับข่าวกรองยูเครน
หลังจากการฆาตกรรมของทาทาร์สกี้ มาเรีย ซาคาโรวา (Maria Zakharova) โฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวว่า “นักข่าวรัสเซียกำลังเผชิญกับ”การล่าแม่มด”ในตะวันตก เช่นเดียวกับ”ภัยคุกคามด้วยความตาย”จากเคียฟ ซึ่งองค์กรระหว่างประเทศและผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องต่างทำเพิกเฉย อีกทั้งสมาคมผู้สื่อข่าวทั้งหลายกลับเงียบงันต่อพฤติกรรมแบบนี้
สถานการณ์สู้รบในสงครามยูเครน ยิ่งฝ่ายเมกา-นาโต้และเคียฟพ่ายแพ้มากเท่าไหร่ พฤติกรรมด้านมืดที่กลบเกลือนไว้ด้วยคาถาสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตยของตะวันตกจะยิ่งระเบิดออกให้เห็นของจริงมากยิ่งขึ้นว่า ทั้งป่าเถื่อนและไร้จิตวิญญาณแห่งความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง!!