วันที่ ๓ เม.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์สปุ๊ตนิกรายงานว่า เซวิม ดักเดเลน ส.ส.ชาวเยอรมันสังกัดพรรคฝ่ายค้าน อัดรัฐบาลดำเนินนโยบายผิดพลาดลาดเยอรมนีเข้าสู่สงครามโดยไม่จำเป็น เขาและทีมส.ส.หลายคนเรียกร้องในสภาฯต้องการให้ขับไล่ทหารสหรัฐ และส่งคืนอาวุธนิวเคลียร์ให้เมกาไป เพราะประจักษ์ชัดแล้วว่านโยบายของอเมริกาสร้างไม่ต้องการพันธมิตร ต้องการเพียงบริวาร
ดักเดเลน รองหัวหน้าพรรคฝ่ายซ้ายในสภาบุนเดสแท็ก (Bundestag) กล่าวว่า “เบอร์ลินต้องทำลายความสัมพันธ์ของการยอมจำนนอย่างสุดโต่งกับอเมริกา และนโยบายต่างประเทศที่ถูกทำเครื่องหมาย ด้วยการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ”เขากล่าวย้ำว่า “เยอรมนีต้องเรียกร้องให้กองกำลังสหรัฐฯ ถอนตัวพร้อมกับอาวุธนิวเคลียร์ของพวกเขาด้วย”
ในฐานะเป็นสมาชิกคณะกรรมการกิจการต่างประเทศของรัฐสภาด้วย เธอกล่าวว่า“หลังจากอยู่มา ๗๘ ปี ถึงเวลาแล้วที่ทหารสหรัฐฯ จะต้องกลับบ้าน”
ดักเดเลนประกาศในงานรัฐสภาเพื่อฉลองครบรอบ ๗๕ ปีของแผน Marshall เขากล่าวย้ำว่า “ฐานทัพสหรัฐฯ ทำตัว เหมือนเขตนอกโลกที่รัฐธรรมนูญของเยอรมัน ซึ่งไม่มีผลบังคับใช้ใดๆต่อสหรัฐฯ วอชิงตันใช้ฐานทัพของตนในเยอรมนีทำสงครามในต่างประเทศและ เปิดการโจมตีด้วยโดรนจนตายกันนับไม่ถ้วน” พร้อมเสริมว่า “การกระทำเหล่านี้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศชัดเจน”
เธอยังวิจารณ์การประชุมของนาโต้เป็นประจำที่ฐานทัพอากาศแรมสไตน์ของอเมริกาในเยอรมนี ซึ่งมีการหารือเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟ วอชิงตันเป็นเจ้าภาพการประชุมเหล่านี้“ราวกับว่าธรรมนูญการยึดครองยังมีผลใช้บังคับอยู่”ส.ส. กล่าว พร้อมเสริมว่า เบอร์ลินยังอนุญาตให้สหรัฐฯ โจมตีเยอรมนีด้วยการส่งมอบรถถัง Leopard ที่ผลิตโดยเยอรมันไปยังยูเครนอีกด้วย
ดักเดเลน ตอกย้ำว่า “สภานิติบัญญัติของเยอรมันได้ตัดสินใจถอนอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกาในปี ๑๐๑๐ แต่อาวุธเหล่านี้ยังคงอยู่ “เราขอยืนหยัดตามจุดยืนของเรา อาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ จะต้องหายไปจากที่นี่”
ส.ส. กล่าวว่า “ฝ่ายบริหารของสหรัฐฯ ให้ความรู้สึกว่าพวกเขาไม่ต้องการพันธมิตร ต้องการเพียงแค่บริวารที่จงรักภักดี” โดยชี้ไปที่ความเพิกเฉยของอเมริกาต่อผลประโยชน์และข้อเรียกร้องของพันธมิตร “ประเทศต่างๆ ทั่วโลกพร้อมที่จะยอมรับสิ่งนี้น้อยลงเรื่อยๆ” มิตรภาพที่แท้จริงควรอยู่บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกันในสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศ”
เยอรมนีเป็นเจ้าภาพอนุญาตกำลังทหารสหรัฐฯประจำการ เป็นจำนวนมากที่สุดในบรรดาชาติยุโรปทั้งหมด กองทหารอเมริกันกว่า ๓๕,๐๐๐ นายประจำการอยู่บนพื้นดินเยอรมนี ณ ปี ๒๕๖๕ อิตาลีซึ่งมีทหารอเมริกันมากเป็นอันดับสองรั้งท้าย เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐราว ๑๒,๐๐๐ นายประจำการอยู่ที่นั่นในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้ ส.ส.สังกัดสมาชิกพรรคประชาธิปไตยสังคมแห่งเยอรมนี (SPD) มากกว่า ๒๐๐ คนได้ลงนามในจดหมายเปิดผนึกซึ่งเขียนโดย Peter Brandt ลูกชายอดีตนายกรัฐมนตรี วิลลี่ แบรนต์ (Willy Brandt) นักประวัติศาสตร์และนักการเมืองของSPD โดยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี Olaf Scholz อำนวยความสะดวก การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งในยูเครน
จดหมายเปิดผนึกในชื่อ “สร้างสันติภาพ”ระบุว่า “อันตรายของการเป็นศัตรูที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกวันที่ผ่านไป เงาของสงครามนิวเคลียร์แขวนอยู่เหนือยุโรป แต่โลกต้องไม่เลื่อนเข้าสู่มหาสงครามครั้งใหม่ โลกต้องการสันติภาพ”
ข้อความดังกล่าวระบุว่าชาวเยอรมันส่วนใหญ่ไม่สนับสนุน ” เกลียวแห่งความรุนแรง ” ที่ขยายออกไปอย่างไม่สิ้นสุด และสนับสนุนการทูตและสันติภาพแทนการครอบงำของลัทธิทหาร “เราขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยฝรั่งเศส ไปขอความช่วยเหลือจากบราซิล จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย เพื่อเป็นตัวกลางในการหยุดยิงโดยเร็ว ”
จดหมายระบุ พร้อมเสริมว่า ความเคลื่อนไหวนี้เท่านั้นที่จะทำให้สามารถปูทางไปสู่ การริเริ่มสันติภาพสำหรับวิสัยทัศน์ร่วมกันของสันติภาพในยุโรป
ผู้เขียนย้ำว่าสันติภาพ “จะเกิดขึ้นได้ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและกับรัสเซียเท่านั้น ” และอ้างคำพูดของอดีตนายกรัฐมนตรีแบรนต์ที่กล่าวว่าจำเป็นต้อง ” ต่อต้านกระแสบางอย่างเมื่อมันพยายามไปในทางที่ผิดอีกครั้ง”
ในเดือนกุมภาพันธ์ ชาวเยอรมันนับหมื่นคนชุมนุมใกล้กับประตูบรันเดินบวร์กอันเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบอร์ลิน เพื่อเรียกร้องให้เยอรมนีช่วยนำกระบวนการสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซียไปข้างหน้า แทนที่จะส่งอาวุธร้ายแรงไปยังระบอบการปกครองของเคียฟ ผู้ประท้วงคัดค้านการส่งกระสุนยูเรเนียมหมดอายุไปใช้ในสนามรบยูเครน เพราะผลกระทบจะไม่ได้เกิดเฉพาะรัสเซียและยูเครนแต่จะลามไปทั่วยุโรป
ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งกระฉูด เศรษฐกิจโดยรวมดิ่งเหว อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในยูโรโซนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อาหาร ยาสูบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีราคาแพงขึ้น ในเดือนมีนาคมเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าเงินเฟ้อยูโรปพุ่ง 15.4% !!