จากที่สื่อต่างประเทศรายงานถึง ฟินแลนด์ หนึ่งในประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ที่มีอาณาเขตติดต่อกับรัสเซีย ใช้งบประมาณ 139 ล้านยูเครน เสร้างรั้วกั้นชายแดนทางตะวันออกที่ติดกับรัสเซียนั้น
ล่าสุดวันนี้ 03 เมษายน 2566 Blockdit World Update ได้นำเสนอข้อมูลของชาติในยุโรปที่ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจอย่างรุนแรงยิ่งขึ้นว่า
“ชาติในสหภาพยุโรป ที่เดินตามสหรัฐ คว่ำบาตรและทำสงครามกับรัสเซีย ขึ้นปีที่ 2 รัฐบาลล้วนปลิวตกเก้าอี้ไปแล้วเกือบ 50% ด้วยปัญหาการเมืองแตกแยกรุมเร้า การหยุดงาน และม็อบมวลมหาประชาชนขับไล่
ฝรั่งเศส อดีตชาติที่เคยรุ่งเรืองเบอร์ 2 ยุโรป ก็ไม่อาจพ้นเคราะห์กรรมนี้ การที่โพลสำรวจและผู้นำรัฐบาลได้รับคะแนนนิยมเพียง 30% ที่เหลืออีก 70% พร้อมใจกันคว่ำบาตรไล่ไปให้พ้นย่อมไม่อาจนำพาประเทศต่อได้ราบรื่นในวาระที่เหลือ
ม็อบในฝรั่งเศส ไม่ใช่ธรรมดา การออกมาหยุดงานประท้วงอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงยาวนานเป็นปีย่อมทำให้สภาพเศรษฐกิจพังทลาย ซ้ำเติมด้วยม็อบก่อการจลาจลสงครามกลางเมือง เผา ทุบทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า ย่อมทำให้บ้านเมืองทรุดฮวบ
จากการคว่ำบาตรพลังงานน้ำมันรัสเซียทำให้โรงกลั่นในฝรั่งเศสขาดแคลนวัตถุดิบมาป้อน ประจวบกับสหภาพแรงงานโรงกลั่นนัดหยุดงานประท้วงยาวนานขอขึ้นค่าแรง
แต่รัฐบาล และโรงกลั่นไม่มีเงินจ่าย เพราะไม่มีน้ำมันดิบขนมาส่ง และรัฐขนเอาไปซื้ออาวุธทำสงครามจนหมด ส่งผลให้การผลิตเชื้อเพลิงลดลงอย่างมากกว่า 80% ของกำลังการกลั่นไปแล้ว รัฐบาลยังไม่รู้จะเอาน้ำมันดิบจากไหนมากลั่น
ส่วนสภาพแรงงานขนส่งทางเรือ , การท่าเรือ , โลจิสติกส์ทางบก , โรงกลั่นน้ำมัน ก็ไม่ยอมทำงานตราบเท่าที่รัฐยังไม่ยกเลิกกฎหมายขยายอายุบำนาญจาก 62 ปี ยืดขอผ่อนจ่ายไปเป็น 64 ปี ปัญหาติดล็อคไปหมด คล้ายเยอรมนีที่หนี้ท่วมหัว
ส่วนฟินแลนด์ ที่ละทิ้งความเป็นกลาง และร่วมทำสงครามกับรัสเซียนั้น ก็เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น รัฐบาลต้องกู้ยืมเงินมากเกินไปจนหนี้สินสาธารณะสูงเกินจริง ต้องหันมาตัดลดค่าใช้จ่ายสวัสดิการประชาชน
ผลคือ นายกรัฐมนตรีซันนา มาริน จากพรรค SDP พ่ายแพ้การเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 3 ได้ 19.9% ผู้ชนะอันดับ 1 คือพรรค NCP ได้ 20.8% และพรรค Finns ได้ 20.1% เธอจึงเป็นนายกฯ รักษาการรอปลิวตกเก้าอี้หลังสภาเลือกนายกฯ คนใหม่
วิเคราะห์ว่า นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ คนต่อไปจะเป็นนาย Petteri Orpo หัวหน้าพรรค NCP ร่วมรัฐบาลกับพรรค Finns โดยพรรค SDP ของนายกรัฐมนตรีซันนา มาริน คงจะสลับไปเป็นฝ่ายค้าน
แต่ด้วยพรรค NCP และพรรค Finns เป็นพวกขวาจัดอนุรักษ์นิยม ไม่ว่าประเทศจะเศรษฐกิจย่อยยับ ประชาชนจะเดือดร้อนขนาดไหน แต่พวกเขาจะทำสงครามกับรัสเซียในยูเครนต่อไป
และอาจเกิดการปะทะขนาดเล็กตลอดแนวพรมแดนกับรัสเซียยาวเป็น 1,000 กิโลเมตร โอกาสที่ชาวฟินแลนด์จะกลับมาใช้ชีวิตปกติสุขเหมือนเดิม พลังงานราคาถูก ค่าครองชีพต่ำ จึงยังไม่มี
แม้โพลที่ทำโดยพวกเดียวกันจะจัดฉากให้ฟินแลนด์เป็นชาติที่มีความสุขที่สุดในโลกก็ตาม แต่ในข้อเท็จจริงคงไม่สวยหรูแบบนั้นแน่นอน”