ในที่สุดธงของรัสเซียได้ชักขึ้นเหนืออาร์ติมอฟสค์หรือบัคมุตแล้ว ผู้นำวาร์กเนอร์ประกาศว่าเป็นการยึดในทางเทคนิค และจะมีการกวาดล้างอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันรัสเซียนฟอร์ซยังคงยิงปินใหญ่ และส่งบินรบถล่มทางอากาศในเขตเคลื่อนไหวกองหนุนของกองกำลังผสมเคียฟ-นาโต้รอบบัคมุตอย่างต่อเนื่อง
ดูท่าว่าจะเรียบร้อยโรงเรียนวาร์กเนอร์ไปแล้วหนึ่งขั้น หลังขับเคี่ยวกันมาอย่างดุเดือดจนกำลังฝ่ายเคียฟร่อยหรอต้องหันมาพึ่งทหารรับจ้าง และนาโต้กำลังเตรียมส่งกำลังเพิ่มในนามกองกำลังสันติภาพมาลุย เรื่องนี้ทั้งส่วนกลางของรัสเซียและทางวาร์กเนอร์เองก็ไม่ประมาท เตรียมการรับมืออย่างเต็มที่ ช่วงนีจะได้ข่าวบุกทำลายแหล่งกบดานของนาโต้คลังแสงและกองบัญชาการของศัตรูถี่ยิบ
วันที่ ๓ เม.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซีย ทั้งรัสเซียทูเดย์, สปุ๊ตนิกและทาซซ์ต่างรายงานพร้อมกันว่า เยฟเกนี ปริโกชิน (Evgeny Prigozhin)ผู้นำวาร์กเนอร์ประกาศ อุทิศการยึดบัคมุตเมืองยุทธศาสตร์ที่อยู่ใต้อำนาจการปกครองที่สำคัญของ Donbass ให้กับบล็อกเกอร์สงครามรัสเซีย ซึ่งถูกสังหารที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยวิธีของผู้ก่อการร้าย
เขาเผยแพร่วิดีโอที่ถ่ายจากหน้าอาคารบริหารของเมืองเมื่อวันอาทิตย์ ตอนเย็น Prigozhin กล่าวในคลิปว่า “เราชักธงชาติรัสเซียที่มีข้อความว่า ‘Good memory to Vladlen Tatarsky’ และธงของ PMC Wagner ที่ด้านบนของฝ่ายบริหารเมือง Bakhmut”
การประกาศของ Prigozhin มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก Tatarsky บล็อกเกอร์ทหารชื่อดังของรัสเซีย ชื่อจริงคือ แมคซิม โฟมิน (Maksim Fomin) ถูกสังหารในเหตุระเบิดแสวงเครื่องที่ร้านกาแฟในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อบ่ายวันอาทิตย์
หัวหน้า PMC กล่าวเสริมว่า“พูดตามกฎหมายแล้ว Bakhmut ถูกยึดแล้ว แต่ศัตรูยังมีกระจุกตัวอยู่ในเขตตะวันตก”
การต่อสู้เพื่อแย่งชิงเมืองบัคมุต กลายเป็นพื้นที่หนึ่งในการต่อสู้ที่เข้มข้นและนองเลือดที่สุด ของความขัดแย้งทางอาวุธในยูเครน โดยมีรายงานว่าทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ตะวันตกอ้างว่าเมืองนี้ไม่มีคุณค่าทางยุทธศาสตร์ทางทหาร แต่ประธานาธิบดียูเครน เซเลนสกี ให้คำมั่นว่าจะปกป้องเมืองนี้ให้นานที่สุด หลังจากประกาศให้เมืองนี้เป็นป้อมปราการใหญ่
ความพยายามของเคียฟที่จะยึดคืนโดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียได้ “เกือบทำลายกองทัพยูเครนจนหมดสิ้น” ประเด็นนี้ ปริโกชินเตือนเดือดเมื่อต้นสัปดาห์นี้ แต่เหล่สนักสู้ของวากเนอร์ซึ่งเป็นผู้นำในการเข้ายึดเมืองบัคมุตของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ ก็ยอมรับว่าได้ทำการ“โจมตีอย่างรุนแรง” เช่นกันแรงมาแรงกลับไม่โกง
ทางด้านรัสเซียนฟอร์ซ ก็รุกหนักในหลายพื้นที่แนวหน้า พลโทอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า “หน่วยของกลุ่มกองกำลังทางตอนใต้ของรัสเซียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการบินเชิงปฏิบัติการและยุทธวิธีและการยิงปืนใหญ่ได้ทำลายทหารและทหารรับจ้างของกองกำลังยูเครนกว่า ๒๑๐ นายในพื้นที่โดเนตสค์ในหนึ่งวัน”
เขากล่าวว่า “ทำลายรถบรรทุกบุคลากรหุ้มเกราะเคอร์ปี (Kirpi)ที่ผลิตในตุรกี ๓ คัน ยานเกราะต่อสู้ ๓ คัน รถยนต์ ๔ คัน รถกระบะ ๓ คัน และปืนครก Msta-B ถูกทำลายในเขตนี้ด้วย”
ในพื้นที่เคอร์ซอน (Kherson) กองทหารรัสเซียสังหารทหารไป 15 นายและทำลายปืนครกอคัตสิยา (Akatsiya) ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเองของกองทัพยูเครน ๑ กระบอกและยานพาหนะ ๗ คัน
เป็นที่น่าสังเกตุขณะที่รัสเซียบุกไปฝั่งขวาของแม่น้ำดนิปเปอร์ที่ยูเครนคุมอยู่ในพื้นที่ภูมิภาคเคอร์ซอน และประสบความสำเร็จไล่ทหารยูเครนล่าถอยไปตามรายงานข้างต้น แต่มีการเผยแพร่วีดิโอจากฝั่งยูเครนว่ามีทหารรัสเซียขับรถถังมายอมจำนนกับทหารรัสเซียที่แม่น้ำดนิปเปอร์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางทหารของฝั่งรัสเซียมองว่า ยังไม่เนียนเพราะไม่เปิดหน้าทหารที่ยอมจำนนซึ่งผิดวิสัยทหารยูเครน และมีจุดสงสัยเกี่ยวกับพื้นที่ที่ถ่ายทำด้วย ก็ว่ากันไปช่วงนี้สงครามข่าวสารของฝ่ายเคียฟ-นาโต้สร้างภาพเป็นฝ่ายเหนือกว่ารัสเซียทุกวัน แต้คำประกาศเงื่อนไขยุติศึกยูเครนของฝั่งรัสเซียบ่งบอกว่าใครกันแน่เป็นฝ่ายได้เปรียบในสนามรบ ขณะที่เซเลนสกี้เหวี่ยงไปทั่วจนกระแสต้านเมกา-นาโต้ผุดขึ้นทั่วยุโรปและอเมริกา ล่าสุดส.ส.ฝ่ายค้านอิตาลีวอร์กเอ้าสภาฯไม่ขอฟังกี้ด่ารัสเซียและขอตังขออาวุธเพิ่ม
ในพื้นที่คาร์คอฟ (Kharkov) ซึ่งเป็นภูมิภาคภายใต้การควบคุมของยูเครน โฆษกกลาโหมเปิดเผยว่า “กองกำลังรัสเซียได้ทำลายกลุ่มก่อวินาศกรรมและการลาดตระเวนยูเครน ๖ กลุ่มในพื้นที่การตั้งถิ่นฐานของเมือง สเตลมาคอฟกา(Stelmakhovka) ของสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ (Lugansk), วูเรชนายา(Dvurechnaya), เปอร์โชตราฟเนเว(Pershotravneve) และ ซินคอฟกา(Sinkovka)
นอกจากนี้ในพื้นที่ครัชนีลิมัน (Krasny Liman) เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตลอด ๒๔ ชั่วโมง ทหารยูเครนเสียชีวิตมากถึง ๑๐๐ นายกองทัพรัสเซียได้โจมตีกองบัญชาการและศูนย์สื่อสารของกองพลทหารราบที่ ๕๘ ของกองทัพยูเครน ทำลายหน่วยปืนใหญ่ยูเครน ๙๒หน่วย กำลังพล และอุปกรณ์ของข้าศึกใน ๑๐๓ เขต
ในดินแดนของสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์( Lugansk) ฐานบัญชาการและสังเกตการณ์ของกองพันของกองพลป้องกันดินแดนที่ ๑๐๙ และกองพลน้อยที่ ๑ กองบินที่ ๒๕ ของกองทัพยูเครนก็ถูกโจมตีเช่นกัน
ในพื้นที่โดเนตสค์ตอนใต้และในพื้นที่ซาโปโรซี ดับทหารยูเครนกว่า ๔๐ นาย รวมทั้งทำลายเรดาร์ต่อต้านแบตเตอรี่ AN/TPQ-36 ที่ผลิตในสหรัฐฯ ทำลายรถหุ้มเกราะ ๒ คัน รถกระบะ ๓ คัน ปืนครก D-30 และปืนครก D-20 ก็ถูกทำลายในพื้นที่เหล่านี้ด้วย
การโจมตีทางอากาศและการยิงปืนใหญ่จากกองทหารกลุ่มตะวันออก ได้โจมตีหน่วยศัตรูในพื้นที่การตั้งถิ่นฐานของเมืองเชฟเชนโก (Shevchenko) ในสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ เมืองเลเวดเน(Levadne) และ โอเรคอฟ(Orekhov) ในภูมิภาคซาโปริชเชีย (Zaporozhye)
ในพื่นที่คูเปียนสค์ (Kupyansk) มีการใช้การโจมตีทางอากาศของกองทัพและปืนใหญ่โดยกลุ่มกองกำลังตะวันตกสร้างความพ่ายแพ้ให้กับหน่วยของกองทัพยูเครนในพื้นที่ของการตั้งถิ่นฐานของเมืองซินคอฟกา,โอลชานี และครัคมัลโนเย (Sinkovka, Olshany ,Krakhmalnoye) ดับทหารยูเครนมากถึง ๓๐ นาย ยานเกราะต่อสู้ ๓ คัน รถยนต์๒คัน และปืนครก D-30 ถูกทำลาย
ทีมลาดตระเวนรัสเซีย ได้ค้นพบกองทหารครกของข้าศึกใกล้กับที่ตั้งถิ่นฐานของ Gatische การโจมตีระบบจรวดหลายนัดของ Grad กำจัดครกหนึ่งนัด ระบบจรวด Uragan กำจัดปืนครก D-20 ของยูเครนที่ระยะ ๒๕ กิโลเมตร
ในหนึ่งวันระบบป้องกันทางอากาศได้ทำลายยานพาหนะทางอากาศไร้คนขับหรือโดรนของยูเครน ๑๑ ลำในพื้นที่ของการตั้งถิ่นฐานของ Vladimirovka, Kirillovka, Verkhnetoretskoye ของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์, Novokrasnyanka, Varvarovka, Kreminnaya ของสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ และ Novaya Kakhovka ของภูมิภาคเคอร์ซอน เมือง Velikie Vyselki จากภูมิภาคคาร์คอฟ”