รบเป็นรบ!! จีนลั่นพร้อมจับมือรัสเซีย ปกป้องอธิปไตยและความยุติธรรม สั่งกองทัพเตรียมพร้อมรับศึกใหญ่

0

ภายใต้เงื่อนไขใหม่ที่สหรัฐฯก้าวร้าวและบีบจีนอย่างหนัก จีนเริ่มเปิดท่าทีบู๊มากกว่าเดิมที่เน้นการทูต ภาษาประนีประนอมรักษาน้ำใจจนสื่อตะวันตกถึงกับเสี้ยมว่า จีนไม่เอาด้วยกับรัสเซียพร้อมถีบส่งเพราะกลัวสหรัฐฯเคือง

ล่าสุด กระทรวงกลาโหมในกรุงปักกิ่งกล่าวว่ายินดีที่จะทำงานร่วมกับมอสโกว์ในการเสริมสร้างการประสานงานทางยุทธศาสตร์และความมั่นคงเพื่อสันติภาพและความยุติธรรม

ปธน.สี จิ้นผิง ได้กล่าวในการประชุมประจำปีของรัฐสภาจีนและคณะที่ปรึกษาทางการเมืองระดับสูงของจีนเมื่อเดือนมีนาคม ถึงประเด็นการเตรียมพร้อมทำสงครามผ่านการกล่าวสุนทรพจน์ ๔ครั้ง โดยครั้งหนึ่งเป็นการบอกให้นายทหารของเขา “กล้าที่จะต่อสู้กล้าเอาชนะ” จีนประกาศเพิ่มงบประมาณกลาโหม ๗.๒ เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเพิ่มขึ้นสองเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รวมทั้งมีแผนที่จะทำให้จีนพึ่งพาการนำเข้าธัญพืชจากต่างประเทศน้อยลง และเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ปักกิ่งได้เปิดเผยกฎหมายความพร้อมทางทหารฉบับใหม่ ที่หลบภัยทางอากาศใหม่ในเมืองต่างๆอีกด้วย

วันที่ ๑ เม.ย.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และโกลบัลไทมส์ รายงานว่า พ.อ.พิเศษ ถาน เค่อเฟย โฆษกกระทรวงกลาโหมของจีน(Chinese Defense Ministry spokesman Tan Kefei) แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓๐ มี.ค.ที่ผ่านมาอย่างดุดันว่า “จีนพร้อมยกระดับความร่วมมือกับกองทัพรัสเซีย เพื่อร่วมกันส่งเสริมความยุติธรรม สันติภาพ และความมั่นคงระหว่างประเทศ”

คำแถลงนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย ในกรุงมอสโกว์เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ โดยทั้ง ๒ ผู้นำเน้นย้ำในหลักการแห่งความเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน และเห็นพ้องปรับปรุงความสัมพันธ์ทวิภาคีและยกระดับความร่วมมือทางทหารให้สูงขึ้น

ถาน กล่าวว่า “จีนมีความตั้งใจทำงานร่วมกับกองทัพรัสเซีย ในการปฏิบัติตามฉันทมติที่สำคัญที่เห็นพ้องกันโดยผู้นำของทั้ง ๒ ประเทศ” พร้อมระบุว่า “ในนั้นรวมถึงการกระชับการสื่อสารและความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น”

โฆษกกระทรวงกลาโหมของจีนเน้นย้ำว่าทั้ง ๒ ประเทศ มีแผนจัดระบบลาดตระเวนทางทะเลและทางอากาศร่วมกันเป็นประจำ เช่นเดียวกับการจัดซ้อมรบ และเสริมความเข้มแข็งในขอบเขตความร่วมมืออื่นๆ

ถานระบุด้วยว่า “เป้าหมายของการยกระดับความร่วมมือ คือเสริมสร้างความไว้วางใจทางทหารมากยิ่งขึ้นกับรัสเซีย เพื่อช่วยรับประกันสันติภาพระหว่างประเทศ และเป็นตัวสนับสนุนใหม่สำหรับความมั่นคงระหว่างประเทศและในระดับภูมิภาค มันจะถูกใช้สร้างประชาคมหนึ่งๆ ซึ่งมวลมนุษยชาติมีอนาคตร่วมกัน”

เขาเน้นถึงความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างมอสโกว์กับปักกิ่ง แต่ยืนยันว่ามันไม่ใช่ “พันธมิตรการเมือง-การทหารในรูปแบบสงครามเย็น “ความสัมพันธ์นี้อยู่เหนือรูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ” และมีลักษณะของ “การไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่เผชิญหน้าและไม่ได้เล็งเป้าหมายไปประเทศอื่นๆ”

ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ เรียกความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและจีน ว่า “เป็นสิ่งที่น่าหนักใจอย่างมาก” และเจ้าหน้าที่ให้คำจำกัดความจีนในฐานะ “ความท้าทาย” ระบุในคำร้องของเพนตากอน ในการของบประมาณกลาโหมประจำปี ๒๐๒๔ เพิ่มเติมเป็น ๘๔๒,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ระหว่างแถลงข่าว ถาน โต้แย้งตะวันตกว่า จีน คือ “ผู้สร้างสันติภาพโลก” และ “ผู้สนับสนุนพัฒนาการโลก” และทางในกลับกัน เขาระบุว่า “สหรัฐฯใช้งบประมาณกลาโหมมหาศาล ซึ่งสูงที่สุดในโลก สำหรับก่อสงครามต่างๆ และสร้างความยุ่งเหยิงในทุกหนทุกแห่ง ทำให้วอชิงตันกลายเป็น “ภัยคุกคามใหญ่ที่สุดในโลก ต่อสันติภาพ ความมั่นคงและเสถียรภาพโลก”

เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จีน รัสเซีย และอิหร่านจัดการฝึกซ้อมเป็นเวลา ๕ วันในอ่าวโอมาน ซึ่งถานอธิบายว่าเป็น “การเพิ่มขีดความสามารถของทั้งสามประเทศในการร่วมกันปฏิบัติภารกิจทางทหารทางทะเลที่หลากหลาย กระชับมิตรภาพแบบดั้งเดิมและความร่วมมือเชิงปฏิบัติให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และ ส่งผลดีต่อการรักษาความมั่นคงทางทะเล”

การฝึกซ้อมมีเรือ ๑๒ ลำจาก ๓ ประเทศ โดยจีนซึ่งมีกองทัพเรือจำกัดในภูมิภาคจนถึงขณะนี้ ส่งเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถีขั้นสูงหนานหนิงเข้าร่วมการซ้อมรบ

นอกจากนโยบายด้านความมั่นคงที่ชัดเจนดุดันขึ้นของกองทัพจีนแล้ว ในทางการทูตจีนก็ได้ตอบโต้สหรัฐฯทุกประเด็นความเคลื่อนไหวยั่วยุอย่างไม่ไว้หน้าหรทอประนีประนอมเหมือนเมื่อก่อน

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จีนแสดงความต่อต้านอย่างรุนแรงต่อ “การเดินทางผ่านแดน” ของไช่ อิงเหวิน ผู้นำระดับภูมิภาคของไต้หวันผ่านสหรัฐฯ ซึ่งละเมิดหลักการจีนเดียว และเรียกร้องให้สหรัฐฯ รักษาคำพูดและดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อรักษารากฐานทางการเมืองของจีน ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ แน่นอนรู้อยู่แล้วว่าสหรัฐฯจงใจยั่วยุ แต่ในทางการทูตจีนก็ต้องการแสดงให้เหตุธาตุแท้สหรัฐฯว่าเป็นตัวการหลักในการส่งเสริมกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจีนมีสิทธิ์ตอบโต้อย่างเต็มที่

เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวว่า “เราขอคัดค้านการเยือนสหรัฐฯ ของผู้นำทางการไต้หวันโดยไม่คำนึงถึงเหตุผลหรือข้ออ้าง และต่อต้านการติดต่อทุกรูปแบบของสหรัฐฯ กับทางการไต้หวัน ซึ่งละเมิดหลักการจีนเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นพิสูจน์ให้เห็นว่าการเดินทางครั้งนี้ของไช่ไม่ใช่ “การผ่านแดน” แต่เป็นความพยายามที่จะแสวงหาความก้าวหน้าและเผยแพร่ “เอกราชของไต้หวัน” “ไม่มีใครและกองกำลังใดก็ไม่สามารถยับยั้งการรวมชาติของจีนได้”