จากกรณีชาติมหาอำนาจสองฝ่าย ที่กำลังสู้กันในการนำพาโลกให้ก้าวเดินไปนั้น ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายมีท่าทีและความเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน ทั้งสหรัฐและจีนรัสเซีย ซึ่งต่อสู้แข่งขันกันทั้งในสนามรบและอวกาศอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 Blockdit World Update ออกมารายงานถึงการส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ โดยมีสหรัฐและอังกฤษเข้ามามีบทบาท ว่า
ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีการส่งดาวเทียมขนาดเล็กราว 4,600 ดวง แต่ในอีก 8 ปีหน้าจะเพิ่มขึ้นมากถึงราว 18,500 ดวง ที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 500 กิโลกรัม
บริษัท Virgin Orbit เป็นหนึ่งในบริษัทจรวดเพียงไม่กี่แห่งของสหรัฐฯ ที่เคยส่งถึงวงโคจรนอกโลกด้วยยานปล่อยที่พัฒนาขึ้นเอง โดยใช้เครื่องบินเจ็ต 747 ดัดแปลงแบกจรวดและดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศโดยการปล่อยจากใต้ปีกเครื่องบิน
เคยประสบความสำเร็จ 4 ครั้งและล้มเหลว 2 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายรับจ้างปล่อยดาวเทียม 9 ดวงให้องค์การอวกาศอังกฤษ โดยใช้จรวด LuncherOne
แต่เมื่อบินขึ้นจากเกาะอังกฤษ ปล่อยจรวดออกไป กลับไม่ถึงวงโคจรโลก จรวดพร้อมดาวเทียม 9 ดวง หัวปักตกลงสู่ทะเล กลายเป็นแนวปะการังเทียม หาไม่เจอ
Sir Richard Branson มหาเศรษฐี เป็นเจ้าของถือหุ้นใหญ่ 75% บริษัทมีพนักงานราว 800 คน ไม่ต้องการเพิ่มทุนแก่บริษัทอีก จึงว่าจ้างบริษัทที่ล้มละลายเพื่อจัดทำแผนในกรณีที่ไม่สามารถหาผู้ซื้อหุ้นหรือนักลงทุนได้
ต่อมา Virgin Orbit ล้มเหลวในการหาแหล่งเงินทุน ใหม่ได้ , แดน ฮาร์ท ผู้บริหาร CEO บริษัทจึงประกาศหยุดกิจการ และเลิกจ้างพนักงาน 685 คน หรือราว 85% เหลือ นิดหน่อยไว้เคลียร์งานและหลักทรัพย์ และหาผู้ลงทุนต่อไป ผู้ถือหุ้นอื่นต่างเร่งขายหุ้นออกไปมากกว่า 40% เหลือราคาแค่ 34 เซนต์/หุ้นลดลง 82% นับตั้งแต่ต้นปี
วิเคราะห์ว่า..การที่บริษัทด้านอวกาศนี้ เหลือผู้บริหาร และพนักงานราว 100 คน คงทำอะไรมากไม่ได้ในการปล่อยจรวดครั้งถัดไป อันจะทำให้หาแหล่งทุนผู้ถือหุ้นใหม่ยากขึ้นไปอีก
ด้วยราคาหุ้นที่เหลือน้อยนิดจะยิ่งทำให้ขาดทุน และไม่อาจแบกภาระรายจ่ายต่อได้นานนัก อันจะส่งผลต่ออนาคตการปล่อยดาวเทียมที่ลูกค้าหลักเป็นอังกฤษ และชาติในยุโรป
ยิ่งจะทำให้ความก้าวหน้าทางอวกาศ และดาวเทียมของรัสเซีย จีน ทิ้งห่างหนียุโรปไปไกลเรื่อยๆ เพราะองค์การอวกาศรัสเซียนั้น มีศักยภาพปล่อยดาวเทียมถึงปีละ 365 ดวง หรือเฉลี่ยวันละ 1 ดวง โดยจะมีการรวบรวมครั้งละหลายสิบดวง แล้วจึงยิงออกนอกโลกด้วยจรวด Soyuz ทุกเดือนนำไปปล่อยสู่วงโคจรโลกที่กำหนดไว้
แม้จะมีบริษัทเอกชน Starlink แต่อนาคต องค์การอวกาศแห่งชาติของรัฐบาลสหภาพยุโรป และสหรัฐ คงไล่ตามเทคโนโลยีองค์การอวกาศรัฐบาลรัสเซีย จีนไม่ทันแล้วแน่นอน”