จากเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 สำนักข่าว TOP WAR NEWS ออกมารายงานถึงกรณี นายพลจัตวาชาวเดนมาร์กรายงานสถานการณ์กองทัพหลวงที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปีนั้น
ทั้งนี้รายงานข่าวระบุว่า ประเทศในยุโรปที่เป็นสมาชิกของ NATO ต่างบ่นเกี่ยวกับสภาพของกองทัพของประเทศของตน ทั้งขาดแคลนอาวุธ อุปกรณ์ และกระสุน สาเหตุหลักมาจากการส่งเสบียงให้กับยูเครนและศูนย์อุตสาหกรรมทางทหารที่อ่อนแอ และการขาดกำลังพลของกองทัพ
โดยรองผู้บัญชาการกองทัพเดนมาร์ก นายพลจัตวา Henrik Lüne เชื่อว่ากองทัพของประเทศอยู่ในสภาพที่เลวร้ายที่สุดในรอบสี่สิบปีที่ผ่านมา การประเมินสถานะของกองทัพราชวงศ์ ซึ่งผู้บัญชาการทหารเดนมาร์กเรียกว่า วิกฤติอย่างยิ่ง จัดทำโดย ABC Nyheter สื่อออนไลน์ของนอร์เวย์ โดยอ้าง TV2
ขณะที่ในวันเดียวนี้ ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ได้โพสต์ข้อความผ่าน Blockdit ถึงความเคลื่อนไหวของประเทศที่ปฏิเสธส่งอาวุธให้ยูเครนว่า
“บัลกาเรียเป็นอีก ๑ ชาติที่ปฏิเสธไม่ส่งอาวุธให้ยูเครน อีก ๒ ชาติที่ขัดขวางนโยบายนาโต้นำโดยอเมริกาคือฮังการี และออสเตรีย ขณะนี้ อเมริกได้ส่งคนไปจัดตั้งสงครามพันทางไล่รัฐบาลฮังการี
โดยได้เงินสนับสนุนจาก USAID เรียบร้อยแล้ว อีกไม่นาน ก็จะมีข่าวชุมนุมประท้วงไล่รัฐบาลตามมา ประเด็นที่ CIA มักตกแต่งข้อมูลกล่าวหารัฐบาลอื่นเพื่อไล่ก็คือ ๑.ทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง ๒.ไม่เป็นประชาธิปไตย (ไม่ให้ผลประโยชน์แก่อเมริกาหรือทำตามคำสั่งของอเมริกานั่นเอง)”
ก่อนหน้านี้Blockdit World Update ได้เผยแพร่เหตุการณ์ในบัลแกเรียเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2566 ซึ่งมีเรื่องราวบางช่วงที่สำคัญน่าสนใจว่า
“บัลแกเรีย ตัดสินใจผิดพลาดเข้าร่วมกับฝ่ายเยอรมนี ภายหลังโดนรัสเซียลุยเละ ผลให้พ่ายแพ้มีทหารบัลแกเรียเสียชีวิตกว่า 1.2 ล้านนาย ชาติบิ๊กโฟร์ (บริติช ฝรั่งเศส สหรัฐ และอิตาลี) ฉวยจังหวะที่ชาติต่างๆ อ่อนแอภายหลังจบสงคราม กำหนดกติกาของพวกเขาให้เป็นประเทศมหาอำนาจ ส่วนฝ่ายพ่ายแพ้ต้องลงนามสนธิสัญญากดขี่ต่างๆ คือ สนธิสัญญาแวร์ซาย
ปี 2022 ห่างจากมหาสงครามครั้งก่อน 77 ปี จุดเริ่มต้นสงครามในยูเครน โดยมีมหาอำนาจ NATO และพันธมิตร เยอรมนี และบัลแกเรีย ตัดสินใจพลาดอีกครั้ง ประกาศตัวอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัสเซีย ส่งอาวุธ และบริษัททหารรับจ้างจำนวนมาก เข้าไปสู้รบปะทะดุเดือดกับกองทัพรัสเซียมานาน 11 เดือน ผลปรากฎเละ เหมือนมหาสงคราม 2 ครั้งแรก
ชาวบัลแกเรีย รู้สึกถึงหายนะภัยครั้งใหญ่ได้มาถึงอีกแล้ว จึงกดดันรัฐสภาคว่ำผู้นำรัฐบาลโปรสหรัฐ ที่จับมือกับยูเครน ตกจากเก้าอี้ มีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ สหภาพแรงงานต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ก่อม็อบลงถนนในเมืองหลวงกรุงโซเฟีย ขย่มรัฐบาล ประท้วงให้ยกเลิกการคว่ำบาตรรัสเซีย และคัดค้านการให้กู้อาวุธแก่ยูเครน
ประกาศสโลแกนว่า ชัยชนะของรัสเซียเป็นของบัลแกเรีย และเป็นชัยชนะของคนทั้งโลก พวกเราไม่ได้เป็นกลางแต่เราอยู่เพื่อรัสเซีย จำนวนม็อบเข้าร่วมทวีคูณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ประท้วงตะโกนเตือนรัฐบาลถึงคำพูดของซาร์บอริส กษัตริย์บัลแกเรีย ที่มีต่อฮิตเลอร์ว่า “เราไม่สามารถส่งกองทัพไปยังแนวรบด้านตะวันออกกับรัสเซียได้ เพราะพลเมืองของเราเป็นพวกนิยมรัสเซีย”