ประเทศในแอฟริกาเริ่มตระหนักถึงผลประโยชน์ของชาติตนเองและกำลังแยกตัวออกจากระเบียบโลกที่ครอบงำโดยตะวันตก โอเลค โอเซรอฟ(Oleg Ozerov) หัวหน้าสำนักเลขาธิการของฟอรัมความร่วมมือระหว่างรัสเซียและแอฟริกาได้กล่าวในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับสื่อ RT
ความสัมพันธ์ระหว่างแอฟริกากับรัสเซียอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และรัสเซียปฏิบัติต่อคู่ค้าในแอฟริกาในลักษณะที่แตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศตะวันตก ซึ่งยังคงมีความคิดแบบอาณานิคมในการติดต่อกับพวกเขา แสดงออกมาในรูปแบบของทัศนคติอุปถัมภ์ การบรรยายและการให้คำจำกัดความศีลธรรม ตะวันตกยืนยันว่า มีแต่แบบอย่างตะวันตกเพียงอย่างเดียวควรได้รับการยอมรับจากเทพเจ้าโดยเพื่อนชาวแอฟริกันของเรา”
นักการทูตเสริมว่า “ออร่าแห่งความเย่อหยิ่ง” นี้เป็นไปด้วยความปรารถนาที่จะให้ชาติแอฟริกาพึ่งพาและยอมจำนนต่อตะวันตก
ชาวแอฟริกันจำนวนมาก“ตระหนักถึงบทบาทที่รัสเซียมีในการปลดปล่อยพวกเขาจากการเป็นทาสของอาณานิคม” ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมชาวแอฟริกันส่วนใหญ่จึงรู้สึก“รังเกียจและขยะแขยง”เมื่อตะวันตกพยายามที่จะตีตราชาวรัสเซียว่าเป็นพวกจักรวรรดินิยม หรืออ้างว่ารัสเซียมีเป้าหมายที่จะปล้นทวีป เมกาด่าเค้าแต่เข้าตัวเอง
โอเซรอฟเน้นว่า “รัสเซียและจีนกำลังส่งเสริมระเบียบระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ที่ยอมรับรูปแบบการปกครองทางการเมืองที่แตกต่างกันและปฏิบัติต่อรูปแบบเหล่านี้ด้วยความเคารพ” นักการทูตยังได้กล่าวถึงปัญหาความอดอยากในแอฟริกา โดยระบุว่ารัสเซียมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและปุ๋ยจำนวนมากที่ยินดีจะนำเสนอให้กับทวีปนี้ แต่ระบุว่าการส่งออกดังกล่าวถูกขัดขวางโดยมาตรการคว่ำบาตรที่ผิดกฎหมายของชาติตะวันตก ปีนี้ปูตินประกาศจะส่งข้าวและธัญญพืชให้ประเทศยากจนในอาฟริกาฟรีอย่างไม่มีเงื่อนไข
สถานการณ์เช่นนี้ส่งผลให้ประเทศในอาฟริกา นอกเหนือไปจากอาฟริกาใต้ซึ่งเป็นกลุ่มก่อตั้งBRICS เริ่มหันมานิยมและสนใจสมัครเป็นสมาชิกมากขึ้น ขยายความร่วมมือกับรัสเซียและจีนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
วันที่ ๒๙ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า โยวารี มุสเซเวนี(Yoweri Museveni) ประธานาธิบดียูกันดาประกาศ ‘พอใจมาก’ กับความสัมพันธ์ด้านกลาโหมกับรัสเซีย มอสโกว์และกัมปาลามีความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ยอดเยี่ยมมาตั้งแต่สมัยโซเวียต และจะดำเนินต่อไปแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
มูเซเวนีเน้นย้ำถึงความร่วมมือของยูกันดากับรัสเซียในภาคการป้องกัน โดยซื้ออาวุธและเทคโนโลยีต่างๆ จากมอสโกว์
ประธานาธิบดียูกันดายังยืนยันด้วยว่า “เขาจะเดินทางไปที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในเดือนกรกฎาคมอย่างแน่นอน”เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดรัสเซีย-แอฟริกา พร้อมเสริมว่า“ในเรื่องนี้ เจตจำนงทางการเมืองมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ไม่ใช่เรื่องความต้องการแต่เป็นเรื่องของอุดมการณ์ ตราบใดที่คุณยังยึดมั่นในอุดมการณ์แห่งความเสมอภาคและภราดรภาพ สิ่งอื่นๆ ก็เป็นเพียงรายละเอียดเท่านั้น”
การประชุมสุดยอดรัสเซีย-แอฟริกาครั้งที่สองมีกำหนดจัดขึ้นที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กระหว่างวันที่ ๒๖-๒๙ กรกฎาคม การประชุมครั้งแรกจัดขึ้นที่เมืองโซชิในเดือนตุลาคม ๒๐๑๙ และมีชื่อว่า ‘For Peace, Security, and Development’
มูเซเวนีพบกับประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซีย นอกรอบการประชุมสุดยอดปี ๒๐๑๙ ที่เมืองโซชี ทั้งสองได้หารือกันในหลายประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน ปูตินเน้นย้ำถึงโครงการเศรษฐกิจร่วมหลายโครงการในยูกันดา รวมถึงโรงงานแปรรูปฝ้ายที่ดำเนินการร่วมกับเมืองหลวงของรัสเซีย และศูนย์การค้าในกัมปาลาที่จัดหาสินค้าอุปโภคบริโภคที่ผลิตในรัสเซีย คู่หูชาวยูกันดาของเขาเน้นย้ำถึงความตั้งใจของประเทศของเขา เขื่อมั่นในการเสริมสร้างการป้องกันและความมั่นคงโดยการซื้อยุทโธปกรณ์ เครื่องบิน และรถถังของรัสเซียเพิ่มเติม
นอกจากนี้การเคลื่อนไหวในการหลีกหนีจากอิทธิพลตะวันติกที่ครอบงำอาฟริกามานาน ส่งผลให้ชาดหนึ่งในประเทศอาฟริกาที่ประสบความวุ่นวายทั้งการเมือง และเศรษฐกิจมายาวนาน วันนี้ได้โอนสินทรัพย์ของ ExxonMobil ในประเทศให้เป็นของบริษัทน้ำมันรัฐบาลแล้ว หลังจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านน้ำมันของสหรัฐฯ ปิดกิจการถอนตัวออกจากชาดในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
มีรายงานว่าสินทรัพย์ของ Exxon รวมสัดส่วนการถือหุ้น ๔๐% ในโครงการน้ำมัน โดบา(Doba) ของ Chad ซึ่งประกอบด้วยแหล่งผลิตน้ำมัน ๗ แห่ง มีผลผลิตรวม ๒๘,๐๐๐ บาร์เรลต่อวัน (bpd) ชาดมีน้ำมันสำรองมากเป็นอันดับที่ ๑๐ ในแอฟริกา โดยส่งออกน้ำมันดิบถึง ๙๐% บริษัทน้ำมันยักษ์ของสหรัฐฯทำกำไรมหาศาลแต่ค้างชำระภาษี ต้องการขายกิจการให้บริษัทน้ำมันอังกฤษ แต่รัฐบาลขัดขวางขอให้จ่ายภาษีก่อน เรื่องจึงจบลงด้วยการโอนสินทรัพย์ส่วนที่เหลือทั้งหมดในประเทศนี้ให้กับบริษัทน้ำมันของรัฐบาล!!