“หากเยอรมนีตัดสินใจ ‘จับกุม’ ปูติน นั่นหมายถึงการประกาศสงครามกับรัสเซีย”เป็นคำประกาศของเมดเวเดฟ อดีตปธน.และรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตอบโต้วีไอพีเยอรมนี คุยโวว่าถ้าเจอปูตินที่ไหนจะจับส่งศาลICC ที่นั่น
มาร์โก บุชมันน์ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของเยอรมนี กล่าวว่า หมายจับสำหรับ “การจับกุม” ของปูตินจะมีผลบังคับใช้ในเยอรมนี หลังจากได้รับการร้องขอจาก ICC คำสั่งดังกล่าวยังได้รับการสนับสนุนโดยนายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์ ผู้ซึ่งในระหว่างการเยือนญี่ปุ่นกล่าวว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย” แบ่งข้างกันชัดประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยเยอรมันจะราบเพราะรบกันรัสเซีย
ขณะเดียวกันก็ตรวจโรงงานผลิตรถถังโชว์อีกรอบลั่นว่า ปีนี้ผลิตได้ ๑,๕๐๐ คันยังไม่นับในคลังมีอีกเพียบ
วันที่ ๒๔ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและมิลิทารี่รีวิว รายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟอดีตปธน.รัสเซียให้สัมภาษณ์กับสื่อรัสเซียตอบโต้เยอรมันเดือดว่า “คนงี่เง่าบางคน ลูกครึ่งอย่างรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของเยอรมันพูดว่า ‘ถ้าเขามา เราจะจับเขา’.. เขาเข้าใจความหมายนั้นหรือไม่ ลองนึกภาพ… ผู้ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐนิวเคลียร์มาถึงดินแดนเยอรมนีและถูกจับ นี่คือการประกาศสงครามกับสหพันธรัฐรัสเซีย!” ในสถานการณ์เช่นนี้จะใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่เพื่อกำหนดเป้าหมายไปยัง “สำนักงานบุนเดสทาก สำนักนายกรัฐมนตรี และอื่นๆ”
เครมลินกล่าวว่ารัสเซียไม่ได้เป็นภาคีของ ICC และคำตัดสินของศาลถือเป็นโมฆะทางกฎหมายสำหรับประเทศนี้
เมดเวเดฟกล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตกตกต่ำเป็นประวัติการณ์ เขาย้ำว่า “เรามีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับโลกตะวันตกอยู่แล้ว พวกเขาอาจไม่เคยเลวร้ายไปกว่านี้ในประวัติศาสตร์ แม้แต่ในเวลาที่เชอร์ชิลล์กล่าวสุนทรพจน์ฟุลตัน พวกเขาก็ยังดีกว่าอเมริกาตอนนี้”
“ในความเห็นของผม ในบางสถานการณ์มันไม่มีประโยชน์ที่จะพยายามเจรจาตกลง จำเป็นต้องเพิกเฉย และในบางกรณีก็ต้องตัดสินใจเหมือนกับที่ทำเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว เพราะข้อตกลงอาจก่อให้เกิดผลเสียในบางกรณี”
เมดเวเดฟกล่าวว่า “พวกเขาไม่ต้องการเห็นสหพันธรัฐรัสเซีย พวกเขาไม่ต้องการเรา และนี่คือแนวคิดทางภูมิรัฐศาสตร์และภูมิยุทธศาสตร์ของพวกเขาในสมัยโบราณ เหตุใดพวกเขาจึงต่อต้านประเทศที่มีอาณาเขตกว้างขวางและมีนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุด มีโล่ที่แข็งแกร่งเพราะเราไม่เชื่อฟังชาวอเมริกัน?” “และตะวันตกไม่ชอบความเป็นอิสระของรัสเซียและจีน”
ขณะให้สัมภาษ์ก็ตรวจโรงงานผลิตรถถังและกล่าวว่า “ศัตรูของเราคิดว่าอุตสาหกรรมของเราจะถูกครอบงำจากตะวันตก เมื่อถูกคว่ำบาตรจะขยับทำอะไรไม่ได้ มีการกล่าวอ้างไม่รู้จบว่าอาวุธกำลังจะหมด รถถังกำลังจะหมด ขีปนาวุธกำลังจะหมด”
เมดเวเดฟกล่าวว่าเขาได้เห็นโรงงานทหารทำงานหามรุ่งหามค่ำในระหว่างการตรวจสอบของเขา และกำลังสร้างกำลังการผลิตใหม่ “แน่นอน เมื่อก่อนเราไม่คิดว่ามันจำเป็น แต่มันกลายเป็นสิ่งจำเป็นต้องขยายตัวในสถานการณ์ปัจจุบัน”
อุตสาหกรรมกลาโหมของรัสเซียยังคงผลิตต่อไป แม้ว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรจะพยายามคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจก็ตาม เมดเวเดฟกล่าวเสริมว่าสิ่งที่นักออกแบบและผู้สร้างผลิตขึ้นนั้นเป็น “ตัวอย่างที่คู่ควรอย่างยิ่ง” ของยุทโธปกรณ์ทางการทหารที่มีประสิทธิภาพ
ผลการปฏิบัติการของโดรนรัสเซียในการปิดช่องว่างขีดความสามารถในการรบกับประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในหัวข้อหลักของการหารือ เมดเวเดฟยืนยันว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตในรัสเซียหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าโดรนกามิกาเซ่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในยูเครน
“ทั้งโดรน คัพ(Kub), แลนเซ็ต(Lantset) และแบบอื่นๆ … ได้แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติที่โดดเด่นของพวกเขาในสนามรบ”
ประเทศรัสเซียมี“หลายรุ่นที่เข้าสู่การผลิตเป็นซีรีส์แล้ว”เขาระบุว่า “ผมแน่ใจว่า การจะนำไปใช้เป็นเรื่องของการผลิตที่ต้องใช้เวลาหลายเดือน”
เมดเวเดฟชี้ว่ารัสเซียมีขีดความสามารถเสมอภาคกับสหรัฐฯ หรือแม้แต่เอาชนะในด้านอื่นๆ ของอาวุธที่มีอยู่ ซึ่งก็คืออาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ “สิ่งนี้สำคัญยิ่งกว่าสำหรับการดำรงอยู่ของชาติของเรา เพราะหากไม่มีสิ่งเหล่านี้ พวกตะวันตกคงจะฉีกเราเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน” ซึ่งหมายถึงการกระทำของชาติต่างๆ ในกลุ่มนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นว่าจะใช้อาวุธสำรองและอุตสาหกรรมทางทหารของตนติดอาวุธให้เคียฟเพื่อต่อต้านมอสโกว์ให้รัสเซียพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์”
เมดเวเดฟกล่าวหลายครั้งว่านิวเคลียร์ยุทธศาสตร์ของรัสเซียทำหน้าที่เป็นหลักประกันว่าผลประโยชน์ด้านความมั่นคงที่สำคัญของรัสเซีย หรือแม้แต่ยูเครนจะบรรลุผลแม้จะมีตะวันตกหนุนหลังและยั่วยุ เขาเตือนว่าภัยคุกคามของสงครามนิวเคลียร์กำลังเติบโตขึ้น เนื่องจากความขัดแย้งในยูเครนที่ขยายวงไปสู่สมาชิกนาโต้จากการขนส่งอาวุธและการส่งกำลังรบเข้าร่วมในสนามสงครามตัวแทน!!?