จากเมื่อวันนี้ 24 มี.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่นปี 2564
โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีบางพรรคประกาศต้องการจะแลนด์สไลด์จากจำนวนส.ส.ของแต่ละพรรค ทาง รทสช.ตั้งเป้าที่จะแลนด์สไลด์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกคนก็หวังอย่างนั้น แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับประชาชนใช่หรือไม่
“แต่ไอ้คำว่าแลนด์สไลด์นั้นจะสไลด์ไปถึงไหนก็ยังไม่รู้ เพราะถ้าลงไม่ดีก็จะสไลด์ออกนอกเลนไป เจ็บตัวไปอีก เพราะฉะนั้นผมจะไม่พูดว่าจะสไลด์หรือไม่สไลด์ ผมขอแค่ให้ทุกคนเข้าใจและมองว่าประเทศไทยอยู่มาถึงวันนี้ด้วยอะไร แล้วจะอยู่ต่อไปกันอย่างไร เราต้องมีรัฐบาลที่ไว้ใจได้หรือไม่ มีรัฐบาลที่นึกถึงคนที่มีรายได้น้อยหรือไม่ พร้อมดูแลกลุ่มเปราะบางหรือไม่ และจะดูแลอย่างไร ซึ่งเราได้สตาร์ทเริ่มต้นมาแล้ว ครั้งนี้ผมพูดในนามรัฐบาลด้วย เพราะนโยบายของหลายพรรคการเมืองก็ตรงกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของรัฐสวัสดิการ ซึ่งถ้าเราทำกันจนมากเกินไปประเทศก็อาจเสียหายเยอะ ทำไมเราจะไม่อยากดูแล ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลก็พยายามหามาตรการที่เหมาะสมไม่ให้มีผลกระทบต่อรายได้และงบประมาณของแผ่นดินในเรื่องของวินัยการเงินการคลัง ทำให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้นจนถึงปัจจุบัน แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยเพราะสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจการคลังของโลกมีความผันผวนตลอดเวลา โดยเฉพาะการขึ้นดอกเบี้ยต่างๆของธนาคารกลางทั้งยุโรปและสหรัฐฯวันนี้ก็ยังมีปัญหามากพอสมควร
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้พบกับ น้องมายด์ น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล แกนนำกลุ่มคณะราษฎร 2563 พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไรนิ เมื่อถามย้ำว่ามีโอกาสที่จะเห็นภาพเช่นนี้กับพล.อ.ประยุทธ์บ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า “คือการพบนั้นต้องดูว่าพบแล้วมันได้อะไรเข้าใจหรือไม่ ถ้าพบกันแล้วเพื่อการเมืองอย่างเดียวผมไม่จำเป็นต้องพบใคร เพราะผมพบทุกวันอยู่แล้ว ผมไม่ได้มุ่งหวังทางการเมือง”
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือประเทศชาติมันก็ต้องมีกฎหมาย เพราะฉะนั้นถ้าเราระมัดระวังตัวไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายหรือล่อแหลมมันไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไม่ต้องไปวุ่นวายเรื่องการนิรโทษกรรมหรือการอะไรต่างๆไม่วุ่นวายอะไรหรอก เราไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการอะไรก็แล้วแต่ ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ วันนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยแล้วทุกอย่างประชาชนก็เห็นแล้วว่าเราพยายามบริหารให้ดีที่สุด การบังคับใช้กฎหมายก็ไม่ได้รุนแรงอย่างที่หลายๆคนพูด เราระมัดระวังผ่อนผัน ป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเด็กๆเยาวชน อีกฝ่ายก็ออกมาบอกว่ารัฐบาลปล่อยปละละเลย ทำไมไม่ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย มันมีข้อขัดแย้งจากสองส่วนนี้ แล้วตนบริหารงานมา 8 ปี หรือ 4 ปีหลังตนทำให้สองฝ่ายเบาๆลง นี่คือสิ่งที่ทุกคนอาจจะลืมไป ไม่มีใครทำให้มันหยุดได้หรอกถ้าประชาชนไม่หยุดตัวเอง
“ผมจำเป็นต้องพูดไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่เข้าใจ ก็ฝากสื่อด้วยแล้วกัน ถ้าอยากจะทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ประชาชนมีอนาคต ผมไม่ได้หมายความว่าจะต้องมาชอบหรือรักผม ไม่ใช่ ประชาขนเป็นกลไกหลักในการที่จะทำให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า นายกฯและครม.เป็นแต่เพียงผู้รับสิ่งต่างๆมาพิจารณาและดำเนินการให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาประเทศ วันนี้มันไม่ใช่ที่จะไปแตกแยกกันอีก มันไม่มีความขัดแย้งอะไรขนาดนั้น เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้นำเรื่องนี้มาหาเสียงกันมากนักในขณะนี้ นั่นคือปัญหาแล้ว เพราะมันเป็นการจุดชนวนขึ้นมา เพราะหลายคนก็มีความสุขดีประชาชนเขาไม่ได้เดือดร้อน และเขาอยากให้บังคับใช้กฎหมายด้วยไม่ใช่หรือ ใช่ไหม ถ้าสมมุติว่าเราอย่างนี้อย่างนั้นปัญหามันก็เกิดขึ้นมาใหม่ เพราะฉะนั้นอย่าไปสร้างปัญหาใหม่ให้เกิดขึ้นมาอีก ปัญหาเก่าต้องแก้ด้วยความเข้าใจ แก้ด้วยความยุติธรรมให้กับเขา ไม่มีใครแกล้งหรอกถ้าทุกคนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็จะได้รับความยุติธรรม” พล.อ.ประยุทธ์