หลังบ้านแหกเมกา!! เม็กซิโกลั่นไม่ใช่อาณานิคมสหรัฐ ตอกหน้าเคลียร์บึ้มท่อนอร์ดสตรีมก่อน ยันเข้ากลุ่มBRICS

0

สหรัฐฯแกว่งปากหาศัตรูเพิ่ม หลังเม็กซิโกวางเฉยไม่คว่ำบาตรรัสเซีย กลับเปิดประตูต้อนรับทั้งรัสเซียและจีนด้านการลงทุน เพื่อถ่วงดุลอิทธิพลสหรัฐฯที่ถือตัวว่าเป็นพี่เบิ้มชี้เป็นชี้ตายเม็กซิโกมาโดยตลอด  

ล่าสุดดูเหมือนว่าจะหมดความอดทนกับไบเดนและทีมอย่างหนัก สวนกลับสหรัฐฯกล่าวหาละเมิดสิทธิมนุษยชน ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย ปราศรัย​อย่างเกรี้ยวกราดปฏิเสธรายงานสิทธิมนุษยชนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ 

วันที่ ๒๔ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์ รายงานว่า ประธานาธิบดีโลเปซ โอบราดอร์ แห่งเม็กซิโกปราศัยท่ามกลางคนเม็กซิโกว์ ปฏิเสธคำสั่งของสหรัฐฯเกี่ยวกับ รายงานของรัฐบาลที่ประณาม “ปัญหาสิทธิมนุษยชน” ในเม็กซิโก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

“เราเตือนนักการเมืองหน้าซื่อใจคดและไร้ความรับผิดชอบสหรัฐฯว่าเม็กซิโกเป็นประเทศอิสระและเสรี ไม่ใช่อาณานิคมหรือรัฐในอารักขาของสหรัฐอเมริกา พวกเขาสามารถคุกคามเราด้วยการสร้างความขุ่นเคือง แต่เราจะไม่มีวันยอมให้พวกเขาละเมิดอำนาจอธิปไตยของเราและเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของบ้านเกิดเมืองนอนของเรา” เขากล่าวในงานชุมนุมรำลึกครบรอบ ๘๕ ปีของการปลดปล่อยอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศ

คำกล่าวหาเผยแพร่โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พร้อมรายงานด้านร้ายอื่นๆเพียบเช่น การสังหารโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือตามอำเภอใจโดยตำรวจ ทหาร และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นๆ การบังคับสูญหาย สภาพเรือนจำที่รุนแรงและคุกคามชีวิต ปิดกั้นเสรีภาพสื่อ และการทุจริต ความจริงแล้วที่ว่าเขานี้ที่สหรัฐมีหมด

โลเปช โอบราดอร์ ซัดรัฐบาลสหรัฐฯโกหก เขาย้ำว่า “รายงานไม่เป็นความจริง  พวกเขากำลังโกหก ไม่มีอะไรนอกจากการเมืองมันคงไม่คุ้มที่จะโกรธ  นั่นเป็นเพียงวิธีที่พวกเขาทำมาโดยตลอด” 

นอกจากนี้ เขายังเสนอว่าเม็กซิโกจะเขียนรายงานที่น่าสยดสยองเกี่ยวกับบันทึกด้านสิทธิมนุษยชนของสหรัฐฯด้วย  รัฐบาลเม็กซิโกตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงจำคุกจูเลียน อัสซานจ์ ผู้ก่อตั้ง Wikileaks ผู้เปิดโปงอาชญากรรมเมกา ซึ่งอันที่จริงต้องโทษจำคุกในสหราชอาณาจักรแต่ไบเดนกดดันให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ  และเหตุใดองค์กรอาชญากรรมที่จำหน่ายเฟนทานิลจึง “ได้รับอนุญาต” ให้ดำเนินการในสหรัฐอเมริกาอย่างถูกกฎหมาย

ปธน.เม็กซิโกกล่าวว่าฝ่ายบริหารของ ไบเดน ไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเกี่ยวกับความรุนแรงในเม็กซิโกเนื่องจากเมกาอนุญาตให้มีการก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซ Nord Stream ตามที่นักข่าว ซีมัวร์ เฮิร์ช ออกมาแฉ

เขาเย้ยว่า “หากเรากำลังพูดถึงการกระทำรุนแรง นักข่าวที่ได้รับรางวัลในสหรัฐฯ เปิดเผยเองว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ก่อวินาศกรรมท่อส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังยุโรปได้อย่างไร วอชิงตันต้องตอบสนองต่อข้อกล่าวหานี้ให้ชัดก่อนตำหนิผู้อื่นแต่กลับบิดพลิ้ว”

นอกจากนี้ โลเปซ โอบราดอร์ยังชี้ว่าความพยายามของชาวอเมริกันล้มเหลวในการหยุดยั้งวิกฤตฝิ่น ที่กำลังระบาดในประเทศ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า ๗๑,๐๐๐ รายในปี ๒๕๖๕ คนอเมริกันเสียชีวิตเพียงลำพังจากการใช้ยาเกินขนาดที่เชื่อมโยงกับเฟนทานิลและพิษจากยา

ผู้นำเม็กซิกันกล่าวต่อไปว่า”การโกหก”และ”การเมือง”เป็นธรรมชาติของวอชิงตัน และยืนยันว่าสหรัฐฯ”ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อว่าพวกเขาเป็นรัฐบาลของโลก และพวกเขาเห็นเพียงจุดดำในตาของคนอื่น ไม่ใช่ลำแสงในตาของพวกเขาเอง”

ผู้นำเม็กซิโกระบุว่า “มีกลุ่มอนุรักษ์นิยมที่“ต่อต้านเม็กซิโก”ภายในรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พยายามจุดชนวนความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ชั้หน้าว่าเม็กซิโกเป็นดินแดนป่าเถื่อนและอันตราย แต่ความจริงเม็กซิโกปลอดภัยกว่าสหรัฐอเมริกา” 

โลเปซ โอบราดอร์ พูดถึงการป้องกันประเทศของเขาว่ามีประสิทธิภาพ พิสูจน์ได้จากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าการท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ไปยังเม็กซิโกเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีที่แล้ว แม้ว่ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จะกำหนดระดับความเสี่ยงในการเดินทางไปยัง ๓๐ แห่งจาก ๓๒ ภูมิภาคของเม็กซิโกในระดับต่างๆ ก็ตาม ประธานาธิบดียังเตือนด้วยว่าเขาอาจแนะนำให้ชาวเม็กซิกัน-อเมริกันลงคะแนนเสียงต่อต้านผู้สมัครจากพรรคการเมืองสหรัฐฯหากยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ต่อไป

นอกจากวิพากษ์เมกาอย่างไม่ไว้หน้าแล้ว มีรายงานจากTVBricsว่า เม็กซิโกเดินหน้าสมัครเข้ากลุ่มBRICS และSCO

รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเซอร์เก ลาฟรอฟซึ่งเปิดการประชุมเมื่อวันที่ ๒๗ ก.พ.ที่ผ่านมากับหัวหน้าหน่วยงานและ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศในภูมิภาครัสเซีย เปิดเผยถึง จำนวนรัฐที่วางแผนจะเข้าร่วม BRICS และ Shanghai Cooperation Organization (SCO) เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีประมาณ 20 ประเทศต้องการเข้าร่วม 

รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวว่า ประเทศต่างๆ ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของ BRICS และ SCO ต่างมีบทบาทสำคัญในภูมิภาคของตน ตอนนี้ที่สมัครอย่างเป็นทางการได้แก่ ตุรกี เม็กซิโก อินโดนีเซีย อาร์เจนตินา ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อียิปต์ และอีกหลายประเทศในแอฟริกา

อเมริกาหน้ามืดหนัก ยิ่งกดดันประเทศไหนก็ยิ่งผลักให้ประเทศนั้นเข้าสู่อ้อมอกของรัสเซียและจีนมากขึ้น หลังบ้างสหรัฐฯอย่างเม็กซิโกทนมานาน เมื่อโลกมีทางเลือกใหม่ กลุ่มโลกหลายขั้วกำลังผงาดในเวทีโลก จึงได้เห็นอดีตมิตรของสหรัฐพากันเทเมกาส่อเค้าเลิกใช้ดอลลาร์เป็นเงินทุนสำรองระหว่างประเทศเร็วขึ้น เท่ากับขย่มบัลลังก์เปโตรดอลลาร์หนักเข้าไปอีก