จากกรณีมีรายงานถึงม็อบฝรั่งเศส ที่ได้ออกมาชุมนุมประท้วงรัฐบาล โดยจัดระบบใหม่เหมือนกองทัพ แยกเป็นกองทัพต่างๆ กองพล กองพลน้อย กองพัน กองร้อย และหมู่ แถมยังแบ่งออกเป็นแผนกต่างๆ อย่างเป็นระบบแบบแผนไม่ธรรมดานั้น
ทั้งนี้รายงานระบุอีกว่า ผู้ชุมนุมผลัดเปลี่ยนสลับหน่วยกำลังเข้าโจมตีจรยุทธ์ปะทะกับตำรวจทั้งวันทั้งคืน พวกเขาเผา ทุบทำลาย ทุกสิ่งที่ขวางหน้า กระจก ประตู อาคารร้านค้า ป้ายรถเมล์ ไฟจราจร ถังขยะ ตู้ ATM ธนาคาร ฯลฯ
ขณะที่ประธานาธิบดีมาครง ผู้นำฝรั่งเศส เจ้าของไอเดียกฎหมายนี้ทำชาติย่อยยับ ออกสถานีโทรทัศน์ TF1 และ France-2 หวังจะดับอารมณ์โกรธของม็อบ
โดยประกาศว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยหน้า พร้อมเสียสละความนิยม ช่วงนี้ขอเป็นผู้นำต่อไปจนครบวาระอีก 3 ปี บอกว่าความโกรธของประชาชนไม่ควรเปลี่ยนเป็นความรุนแรง เพราะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
การชุมนุมซึ่งมีผู้เข้าร่วมแสดงการประท้วง เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย แต่ไม่ควรเกินขอบเขตกฎหมายในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการตัดสินใจของผู้ที่ประชาชนเลือกมา
สิ้นคำกล่าว เหมือนราดน้ำมันลงกลางเปลวไฟใจประชาชน สหภาพแรงงาน และฝ่ายค้าน เรียกระดมมวลชนหลายสิบล้านทั้งประเทศทันทีให้มากที่สุด หยุดงานสำคัญทั้งรัฐและเอกชน
ล่าสุดวันนี้ 24 มีนาคม 2566 Blockdit World Update ได้ออกมาโพสต์รายงานเหตุการณ์ที่รุนแรงยิ่งขึ้น รวมทั้งสภาพเมืองปารีสกับปัญหาขยะว่า
“ภายหลังประธานาธิบดีมาครง ผู้นำฝรั่งเศส ออกรายการทีวีประกาศกอดเก้าอี้แน่น รัฐบาลไม่ลาออก ไม่ยุบสภา ไม่เลือกตั้งใหม่ จะเดินหน้ากฎหมายปฏิรูปบำนาญ ขยายอายุจาก 62 ปี เป็น 64 ปีต่อไป
ระเบิดอารมณ์ในใจช่วงฝรั่งเศส ก็แตกโพล๊ะ สหภาพแรงงาน และฝ่ายค้านในสภาประกาศนัดหยุดงานชัทดาวน์ประเทศในวงกว้าง การผลิตในภาคอุตสาหกรรมหยุดอย่างสิ้นเชิง
ภาคการขนส่งทั้งถนน ราง ทะเล และอากาศ กลายเป็นอัมพาต มีการปิดล้อมยึดภายนอกสนามบิน แท็กซี่สนามบินหยุดงาน ต้องยกเลิกเที่ยวบินกว่า 30% ทางตอนใต้ของกรุงปารีส
ม็อบปิดอาคารผู้โดยสาร 1 ที่สนามบิน Charles de Gaulle ทางตอนเหนือของกรุงปารีส โรงเรียนและวิทยาลัย ถูกปิดทั่วฝรั่งเศส เพราะครูนัดหยุดงานออกมาก่อม็อบ
ยามค่ำคืนยิ่งนรกแตก ระเบิดโมโลตอฟ (ระเบิดเพลิง) ถูกขว้างใส่อาคารร้านค้า สถานีตำรวจ เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วเสมือนสมรภูมิสงคราม ตามมาด้วยเกิดเพลิงไหม้ และสหภาพแรงงานเตรียมการตัดพลังงานไฟฟ้า ตัดก๊าซ
การโจมตีกระจายไปทั่วเมืองหลวง ตำรวจเอาไม่อยู่และหายตัวไป ตามท้องถนนเต็มไปด้วยประชาชน และขยะล้นเมือง กลายเป็นแหล่งต้นเพลิงชั้นดีให้จุดไฟเผาร่วมกับยางรถยนต์
การจลาจลวางเพลิง ทุบทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้าเกิดขึ้นไปทั่ว ฝรั่งเศสกลายเป็นรัฐล้มเหลว สมรภูมิรบดุเดือดในกรุงปารีสคงอีกนาน ถ้าชาวรัฐบาลยังคงตกหล่มสงครามยูเครน จนเศรษฐกิจพังยับเยินย่ำแย่อยู่แบบนี้ พระราชวังแวร์ซาย คงไม่เหมาะจะต้อนรับบุคคลสำคัญมากจากอังกฤษที่จะมาเยือนแล้วแน่นอน”