การที่รัสเซียส่งทหารเข้าแทรกแซงสงครามกลางเมืองซีเรียเมื่อปี 2015 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้รัฐบาล อัสซาด กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบพวกกบฏ และค้ำประกันความอยู่รอดของผู้นำซีเรีย ท่ามกลางกระแสเรียกร้องจากชาติตะวันตกที่ต้องการเห็น อัสซาด ถูกโค่น
ผู้นำซีเรียได้เข้าพบประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ที่ทำเนียบเครมลินเมื่อวันพุธ (15 มี.ค.) และให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA ว่า ดามัสกัส “ให้การรับรอง” ดินแดนที่รัสเซียอ้างว่าได้ผนวกไปจากยูเครน และพร้อมที่จะตอบรับข้อเสนอเปิดฐานทัพรัสเซียแห่งใหม่ๆ และเพิ่มจำนวนทหารรัสเซียในซีเรีย
“เราเชื่อว่าการเพิ่มกำลังทหารรัสเซียในซีเรียเป็นเรื่องที่ดี และการที่รัสเซียจะส่งทหารไปปฏิบัติภารกิจในประเทศใดไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องชั่วคราวเสมอไป” สำนักข่าว RIA อ้างการให้สัมภาษณ์ของผู้นำซีเรีย
ล่าสุดวันที่ 24 มีนาคม 2566 สำนักข่าว REPORTER รายงานว่า Su-34 ของกองกำลังการบินและอวกาศของรัสเซียบินวนเหนือฐานของอเมริกาในซีเรียอย่างต่อเนื่อง
ความเป็นผู้นำของกองบัญชาการกลางสหรัฐ (USCENTCOM) ตื่นตระหนกกับสถานการณ์การปฏิบัติการที่เลวร้ายลงอย่างมากในพื้นที่รับผิดชอบของกองทหารอเมริกันในพื้นที่ฐาน Al Tanf ทางตะวันออกเฉียงใต้ของซีเรีย สิ่งนี้บอกกับสถานีโทรทัศน์อเมริกัน NBC News โดยพลโทอเล็กซัส จี. “กรินช์” กรินเควิช (Alexus G. “กรินช์” กรินเควิช) ซึ่งรับผิดชอบส่วนประกอบกองทัพอากาศของ USCENTCOM และเป็นรองผู้บัญชาการของ กองกำลังเฉพาะกิจร่วมและปฏิบัติการ Unwavering Resolve
เรากำลังพูดถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมากของจำนวนการบินข้ามโดยเครื่องบินรบของ Russian Aerospace Forces ซึ่งติดตั้งอาวุธต่าง ๆ ของสถานที่ทางทหารดังกล่าวและบริเวณโดยรอบ ตามที่ผู้บัญชาการทหารระบุในเดือนมีนาคมซึ่งยังไม่สิ้นสุด รัสเซียได้ดำเนินการ “การละเมิดที่เป็นอันตรายและยั่วยุ” 25 ครั้งซึ่งขัดแย้งกับข้อตกลงเมื่อ 4 ปีก่อน (2019) ระหว่างมอสโกวและวอชิงตันเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงในภูมิภาค .
ในเดือนกุมภาพันธ์ เครื่องบินรัสเซียไม่ปรากฏเลยในพื้นที่ที่ระบุ ในเดือนมกราคม 14 กรณีดังกล่าวถูกบันทึกไว้ Grinkevich เรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่าการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกิจกรรมการบินของกองกำลังการบินและอวกาศของรัสเซียในพื้นที่ซึ่งเพิ่มโอกาสของการเพิ่มขึ้นโดยไม่ตั้งใจระหว่างสองมหาอำนาจตามสัดส่วน ในเวลาเดียวกัน เขาย้ำว่ารัสเซียไม่มีเหตุผลที่จะโจมตีเป้าหมายของอเมริกา
เขาชี้แจงว่าเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด Su-34 ของรัสเซีย “ในชุดรบ” กำลังบินเหนือ “เขตความมั่นคงของอเมริกา” พวกเขาติดอาวุธด้วยอาวุธการบินต่างๆ รวมถึงกระสุนอากาศสู่พื้นและอากาศสู่อากาศ
Grinkevich เสริมว่าชาวอเมริกันพยายามติดต่อชาวรัสเซียเพื่อประท้วงการกระทำของพวกเขา แต่พวกเขา “เพิกเฉยอย่างเหยียดหยาม” คำสั่งของรัสเซียระบุว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะหยุดเที่ยวบินเหนือ At-Tanf และเหนืออาณาเขตของ SAR โดยรวม เนื่องจากเป็นการกระทำตามคำเชิญของรัฐบาลซีเรีย พวกเขาไม่รู้จักน่านฟ้าเหนือ At-Tanf ว่าเป็น “พื้นที่รับผิดชอบของสหรัฐฯ” ในขณะเดียวกัน ชาวรัสเซียอธิบายว่าเที่ยวบินของพวกเขาเป็น “ปฏิกิริยาต่อการกระทำของกลุ่มพันธมิตร” ในพื้นที่
นายพลให้ความสนใจกับข้อเท็จจริงที่ว่าเที่ยวบินของรัสเซียยังไม่ส่งผลกระทบต่อปฏิบัติการของสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรในซีเรีย อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากทุกอย่างบ่งชี้ว่ารัสเซียปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีของตนภายใต้กฎการปฏิบัติร่วมกันสำหรับกองทัพในน่านฟ้าเหนือ SAR ในขณะเดียวกัน รัสเซียยังคงยืนกรานว่าสหรัฐฯ ไม่ควรเข้าใกล้ฐานทัพของตนในดินแดนซีเรีย
ในความเป็นจริง มันทำให้เสียสมาธิจากการต่อสู้กับ ISIS ฉันไม่กังวลเกี่ยวกับการสู้รบอย่างเปิดเผย ฉันกังวลเกี่ยวกับการคำนวณผิดพลาด การกระทำที่ไม่เป็นมืออาชีพหรือยังไม่บรรลุนิติภาวะในส่วนของคนๆ หนึ่ง ตลอดอาชีพการงานของฉัน ฉันไม่เคยเห็นการเพิกเฉยต่อระเบียบการและกฎเกณฑ์ที่ตกลงกันไว้สำหรับการแก้ไขข้อขัดแย้ง ดังนั้นสิ่งที่เราเห็นในตอนนี้จึงไม่เหมือนใคร Grinkevich กล่าว
Cr.
https://topcor.ru/33393-general-vvs-ssha-su-34-vks-rf-silno-razletalis-nad-at-tanfom-v-sar.html
