จากเมื่อมกราคม 2566 พลเมืองฝรั่งเศสฟิวส์ขาดอยู่ร่วมกับฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ คือ การยืดอายุเกษียณจาก 62 ปีเป็น 64 ปี เพราะรัฐบาล เอาเงินภาษีไปถลุงค่าอาวุธทำสงคราม และจ่ายค่าพลังงานแพงสหรัฐ จนไม่มีเงินจ่ายผู้เกษียณอายุ 62 ปี
ทั้งนี้Blockdit World Update ได้โพสต์เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 รายงานถึงสถานการณ์ล่าสุดในฝรั่งเศส ซึ่งมีบางช่วงที่น่าติดตามว่า “ความโกรธแค้นเดือดดาลของชาวฝรั่งเศส ว่าแล้วทำไมรัฐบาลมีเงินไปทำสงคราม และทำไมไม่ไปเก็บภาษีเพิ่มจากคนรวย ทำไมต้องใช้วิธีมาแย่งเงินบำนาญของประชาชนคนชั้นกลางและชั้นล่าง
อีกทั้งมีเงื่อนไขซ้อนว่าต้องทำงานต่อเนื่องครบ 43 ปีจนถึงอายุ 64 ปีจึงจะได้บำนาญเต็มเข้าไปอีก ทำให้วัยรุ่นอายุไม่เกิน 30 ปี โกรธมาก เพราะเงื่อนไขแบบนี้บล็อคกันชัดๆ จะมีคนผ่านหลักเกณฑ์สักกี่คน
อารมณ์ที่ผู้คนเดือดดาลทำให้ฝ่ายค้านฝรั่งเศส และสหภาพแรงงานใหญ่ระดับประเทศด้านพลังงาน และอาชีพสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ผสมโรงนัดหยุดงานด้วยทันที พร้อมม็อบเสื้อกั๊กเหลืองที่น่ากลัว
ในแต่ละครั้งที่นัดหยุดงานทั่วประเทศมีชาวฝรั่งเศสเข้าร่วมม็อบมวลมหาประชาชนเกิน 1.5 ล้านคน และทวีความดุเดือดรุนแรงขึ้นอย่างน่าตกใจ จนใกล้เคียงสงครามกลางเมือง
แม้ตำรวจจะแหกกฎกติกาสากลปราบม็อบ โดยใช้ความรุนแรงเริ่มต้นจากทุบตีด้วยกระบองก่อนไปตามหัวและร่างกายมวลชน แต่ยิ่งใช้ความรุนแรงเท่าไรจำนวนม็อบกลับทวีคูณขึ้นเท่านั้น
ม็อบได้จัดระบบใหม่เหมือนกองทัพ แยกเป็นกองทัพต่างๆ กองพล กองพลน้อย กองพัน กองร้อย และหมู่ แถมยังแบ่งออกเป็นแผนกต่างๆ อย่างเป็นระบบแบบแผนไม่ธรรมดา
ในระดับกองร้อยนั้นยังมีหน่วยจรยุทธ์ ชายชุดดำ คอยซุ่มโจมตีตำรวจด้วยก้อนหินตัวหนอน ประทัดยักษ์ เหล็ก และอาวุธแหลมอื่นที่ทำให้บาดเจ็บ จนตำรวจร่วงหามเข้าโรงพยาบาลไปแล้วกว่า 300 นาย แต่จับม็อบหลายล้านไปได้แค่กว่า 800 คนเท่านั้น จำนวนม็อบไม่พร่องลงเลย
วันที่ 16 มีนาคม ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส Elisabeth Borne ใช้อำนาจมุกเดิมอีกครั้ง ประกาศว่าร่างกฎหมายบำนาญนี้ ไม่ส่งไปลงคะแนนในสภา ส.ส. แล้วข้ามขั้นตอนส่งไปให้ ส.ว. โหวตรับรองเลย
การตัดสินใจนั้น คือ การประกาศสงครามกับประชาชน จุดชนวนให้เกิดการก่อม็อบระลอกใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมอีกมหาศาล บรรดา กองทัพม็อบชายชุดดำจึงได้เปรียบเพราะพวกเขามีจำนวนมากกว่า
ผลัดเปลี่ยนสลับหน่วยกำลังเข้าโจมตีจรยุทธ์ปะทะกับตำรวจทั้งวันทั้งคืน พวกเขาเผา ทุบทำลาย ทุกสิ่งที่ขวางหน้า กระจก ประตู อาคารร้านค้า ป้ายรถเมล์ ไฟจราจร ถังขยะ ตู้ ATM ธนาคาร ฯลฯ
ล้วนไม่รอดจากนักรบนิรนามเหล่านั้น พวกเขาแข็งแกร่ง ฮึกเหิมขึ้นตลอดเวลา ผิดจากตำรวจที่เหลือกำลังแค่ 5,000 นายเท่านั้น รับม็อบวันละ 1.5 ล้าน ในเมืองหลวงกรุงปารีส ที่เหลือนอนยอดน้ำข้าวต้ม
ล่าสุดประธานาธิบดีมาครง ผู้นำฝรั่งเศส เจ้าของไอเดียกฎหมายนี้ทำชาติย่อยยับ ออกสถานีโทรทัศน์ TF1 และ France-2 หวังจะดับอารมณ์โกรธของม็อบ
เขาประกาศว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งสมัยหน้า พร้อมเสียสละความนิยมของเขา ช่วงนี้ขอเป็นผู้นำต่อไปจนครบวาระอีก 3 ปี บอกว่าความโกรธของประชาชนไม่ควรเปลี่ยนเป็นความรุนแรง เพราะเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
การชุมนุมซึ่งมีผู้เข้าร่วมแสดงการประท้วง เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย แต่ไม่ควรเกินขอบเขตกฎหมายในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งการตัดสินใจของผู้ที่ประชาชนเลือกมา
สิ้นคำกล่าวเขา เหมือนราดน้ำมันลงกลางเปลวไฟใจประชาชน สหภาพแรงงาน และฝ่ายค้าน เรียกระดมมวลชนหลายสิบล้านทั้งประเทศทันทีให้มากที่สุด หยุดงานสำคัญทั้งรัฐและเอกชน
ทำลายระบบเศรษฐกิจ ยึดครองโจมตีเมืองหลวง และเมืองใหญ่ของฝรั่งเศส ชัทดาว์นประเทศ ระบบคมนาคม โรงไฟฟ้า ระบบสาธารณูปโภค พลังงานก๊าซ ระบบขนส่งมวลชน สนามบิน ระบบโลจิสติกส์ ฯลฯ พวกเขาปิดล้อมพระราชวังแวร์ซาย ทำให้รัฐล้มเหลว ไม่ปลอดภัยช่วงก่อนที่กษัตริย์อังกฤษ จะเดินทางมาเยือนอีกไม่กี่วัน”