คว่ำบาตรเป็นเหตุ! สหรัฐฯ หันซื้อแร่นิกเกิลจากอังกฤษ แต่ได้ก้อนหินธรรมดา กระทบตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรป
จากกรณีที่รัสเซียเป็นแหล่งผลิตนิกเกิลที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ สามารถขุดแร่นิกเกิลได้ 250,000 เมตริกตันเมื่อปี 2021 แร่ชนิดนี้ใช้สำหรับทำแบตเตอรีในรถยนต์ไฟฟ้า และนำไปผลิตสเตนเลส หลังจากที่สหรัฐคว่ำบาตร ราคา “นิกเกิล” ขึ้นไปแตะราคาประวัติศาสตร์ที่ 100,000 เหรียญต่อตัน (ประมาณ 3.3 ล้านบาท)
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (22 มีนาคม 2566) ทาง Blockdit World Update ได้โพสนต์ข้อความถึงกรณีที่สหรัฐได้ซื้อแร่นิกเกิลจากอังกฤษ แต่ถูกย้อมแมว โดยบอกว่า ชาติที่มีสินค้าโภคภัณฑ์สินแร่แรเอิร์ธหายากคุณค่าสูงทางอุตสาหกรรมมากล้น และเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของโลก คือ จีน และรัสเซีย การกีดกันการนำเข้าแร่จาก 2 ชาตินี้ คือ หายนะทางอุตสาหกรรม แร่โลหะ “นิกเกิล” ที่มีคุณภาพ ประกันความบริสุทธิ์สูง ที่ทั่วโลกเชื่อถือมาช้านาน คือ “รัสเซีย” เป็นวัตถุดิบหลักในแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
เมื่อก่อนนี้ที่ชาติอุตสาหกรรมเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ได้เปรียบสหรัฐ ก็เพราะนำเข้าแร่นี้จากรัสเซียข้างบ้าน แต่เมื่อยุโรป คว่ำบาตรรัสเซียก็ไม่ง้อ ส่งให้ชาติพันธมิตรอุตสาหกรรมส้มหล่นไป เช่น จีน อินเดีย ฯลฯ แต่ที่เจ็บปวดเองคือ สหรัฐ และยุโรป ที่ “คว่ำบาตรเขา แต่เราเจ็บกว่า” มืดแปดด้านว่าจะไปหา Supplier ที่น่าเชื่อถือแบบรัสเซียมาจากที่ไหน จึงแก้กฎระเบียบความเข้มงวดตรวจสอบการนำแร่ให้หย่อนยาน ไร้มาตรฐานคุณภาพแร่
มี.ค.2565 หลังยุโรปคว่ำบาตรรัสเซีย ราคานิกเกิลพุ่งขึ้นเร็วมากเป็น 50,000 ดอลลาร์/ตัน จากนั้นวันต่อมาพุ่งพรวดเป็น 100,000 ดอลลาร์/ตัน ล่าได้ลงมาอยู่ที่ราง 22,800 ดอลลาร์/ตัน แต่ก็ยังแพงกว่าเมื่อก่อนอยู่ดี
พ.ย. 2565 บริษัท Trafigura ยักษ์ใหญ่นำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์สั่งซื้อแร่นิกเกิลราคาแพง แต่เมื่อเปิดสินค้าตรวจกลับพบพบว่าเป็นสินค้าเหล็กกล้าคาร์บอนและเหล็กประเภทอื่นๆ
มูลค่าแค่ 5% ของแร่นิกเกิลที่สั่งไป จึงดำเนินคดีกับบริษัทอินเดีย Prateek Gupta และบริษัทหลายแห่ง คือ TMT Metals และ UD Trading Group ในข้อหาฉ้อโกง และยังมีบริษัทการค้าของสิงคโปร์ ที่โกงนักลงทุนในข้อตกลงแร่นิกเกิลปลอม สัปดาห์ก่อนบริษัท JPMorgan Chase สหรัฐ สั่งซื้อแร่นิกเกิลผ่านตลาดแร่ London Metals Exchange ของอังกฤษ มูลค่า 1.3 ล้านดอลลาร์ จากนั้นนำไปเก็บไว้ที่โกดังในเมื่อท่า Rotterdam ของเนเธอร์แลนด์
เจ้าของโกดังแห่งนี้คือบริษัทขนส่ง Access World โดยเทรดเดอร์ Glencore PLC ต่อมาพนักงานที่คลังสินค้าชั่งน้ำหนักถุงบรรจุ นิกเกิล กลับพบว่าถุงเก็บเหล่านั้นมากกว่า 50 ตัน มีจำนวนหลายถุงคละปนด้วย “หินธรรมดา” ไม่ใช่แร่นิกเกิล จึงแจ้งผู้ซื้อชาวสหรัฐ และอ้างว่าการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ย่อมมีความเสี่ยง และไม่ต้องประหลาดใจ
วิเคราะห์ว่า..เมื่อขาดสินค้าแร่นิกเกิลผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากรัสเซีย ทำให้ยุโรปลดมาตรฐานงานเอกสารในระบบ Supply chain โดยกำหนดมาตรฐานเพียงเล็กน้อยในบริษัท ภูมิภาค และประเทศต่างๆ เอกสารจึงถูกปลอมแปลงง่ายมากขึ้นด้วยเครื่องถ่ายเอกสารคุณภาพสูงที่สามารถทำซ้ำลายน้ำได้อย่างน่าเชื่อถือ ดังนั้นสินค้าแร่อุตสาหกรรมที่หายาก จึงมีความเสี่ยงในการปะปน
ยี่ปั้วรายใหญ่จากเอเซีย ที่ซื้อแร่นิกเกิลจากผู้ผลิตรัสเซีย จีน มาจะสบช่อง “ผสมปลอมปน” หินอื่นเข้าไปในถุงแร่นิกเกิล เพื่อส่งไปขายในตลาดกลางค้าแร่ในยุโรป ที่สหรัฐ และชาติในยุโรปมาซื้อไปอีกต่อหนึ่ง ด้านเจ้าของโกดัง Access World บอกว่ามีการตรวจสอบ “ถุงนิกเกิลอัดก้อนที่รับประกันในทุกสถานที่” แต่ปัญหาปนก้อนหินนี้ เพิ่งเกิดขึ้นที่คลังสินค้าใน Rotterdam เนเธอร์แลนด์
ยังไม่รู้ว่ายี่ปั้วผู้ค้าไปสั่งซื้อแร่นิกเกิลปนหินมาจากประเทศใด คราวนี้สินค้าอาจมีปริมาณไม่มากนักผลกระทบน้อย แต่เมื่อแร่นี้หายากมากขึ้น ผู้ส่งออกต่างๆ ก็จะย้อมแมวปะปนหินมากขึ้นไปด้วย สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แม้จะเป็นชาติอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่พวกเขามีจุดอ่อนร้ายแรง คือ ไม่มีแหล่งแร่หายากวัตถุดิบต่างๆ เป็นของตนเอง ต้องสั่งนำเข้าลูกเดียว
แต่จีนที่เป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ กลับอุดมสมบูรณ์ด้วยแร่วัตถุดิบ แถมมีรัสเซียเพื่อนบ้านเป็นผู้ครอบครองและส่งออกแร่หายากนี้ด้วยเช่นกัน แม้สหรัฐ ยุโรป จะส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า โดยช่วยด้านภาษี แต่เมื่อ Supply Chain สะดุดขาดเป็นระยะ ราคาแกว่งผันผวน ย่อมแข่งขันไม่ได้กับรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน
นอกจากจะยอมศิโรราบไปตั้งโรงงานสิงร่างในจีน ขอร่วมใช้วัตถุดิบด้วย แต่ไทยกลับฟลุ๊กเพราะรักทุกฝ่าย ไม่คว่ำบาตรกีดกันใคร จึงสั่งวัตถุดิบจากไหนก็ได้ ประธานสมาคมอุตสาหกรรมเวียดนาม ยืนยันว่า “เราผลิตเองได้เพียงสกรูยึดป้ายทะเบียนรถเท่านั้น ยังผลิตชิ้นส่วนรถไม่ได้ วัสดุโลหะผสมต้องนำเข้าทั้งหมด ซัพพลายเชนยังห่างไกลจากไทยมาก” ทำให้ยอดผลิตสินค้าชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าไทยและส่งออก จึงพุ่งก้าวกระโดดเงียบๆ นำหน้าทิ้งห่างเพื่อนบ้านเวียดนามไปแล้วแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.blockdit.com/world.update
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454