ข่าวใหญ่ในโลกมุสลิมคือ กษัตริย์ซาอุดิอาระเบียส่งเทียบเชิญประธานาธิบดีอิหร่านไปเยือนริยาดอย่างเป็นทางการ
คำเชิญดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากจีนทำข้อตกลงทางการทูตระหว่างสองมหาอำนาจในภูมิภาค สร้างความตกตะลึงกับสหรัฐและอิสราเอลที่ทุ่มเทยุแหย่ให้กลุ่มประเทศมุสลิมต่างนิกายขัดแย้งรบกันมาหลายปี
วันที่ ๒๐ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์และทัสนิมนิวส์รายงานว่า กษัตริย์ซัลมาน บิน อับดุลอาซิซ อัล ซาอูด แห่งซาอุดีอาระเบียได้เชิญประธานาธิบดีอิหร่าน อิบราฮิม ราซี เข้าร่วมการประชุมในกรุงริยาด รองเสนาธิการของราซี เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีการวางแผนสำหรับการประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองประเทศ หลังจากข้อตกลงที่จีนเป็นสื่อกลางได้ฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต ที่มีความแตกแยกมานานถึง ๗ ปี
กษัตริย์ซัลมาน ได้ส่งจดหมายถึง ปธน.ไรซี และโมฮัมหมัด จัมชิดี(Mohammad Jamshidi) รองเสนาธิการกองทัพอิหร่าน ชี้แจงบน Twitter ว่า “ประธานาธิบดีขอต้อนรับคำเชิญนี้ และเน้นย้ำถึงความพร้อมของอิหร่านในการเสริมสร้างความร่วมมือกับซาอุดิอาระเบีย”
จัมชิดีระบุว่า กษัตริย์ซัลมานทรงระบุในจดหมายว่าซาอุดีอาระเบียและอิหร่านต่างเป็น”ประเทศพี่น้องกัน”
เมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคมที่ผ่านมา อิหร่านและซาอุดีอาระเบียได้ลงนามในข้อตกลงที่จีนเป็นผู้ไกล่เกลี่ยเพื่อฟื้นความสัมพันธ์ รวมทั้งเปิดสถานทูตและสำนักงานตัวแทนภายในสองเดือน แถลงการณ์ร่วมได้รับการลงนามหลังจากการเจรจาหลายวันระหว่างหัวหน้าสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน นายอาลี ชัมคานี และนายมูซาด บิน โมฮัมเหม็ด อัล-ไอบัน ผู้แทนฝ่ายซาอุดิอาระเบียในกรุงปักกิ่ง
ซาอุดิอาระเบียและอิหร่านประกาศว่าพวกเขาจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตและให้คำมั่นที่จะ“ไม่แทรกแซง”ในกิจการภายในของกันและกัน ในข้อตกลงสำคัญที่มีคนกลางคือประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
นับตั้งแต่มีการประกาศข้อตกลงนั้น การเตรียมการเปิดสถานทูตในกรุงริยาดและเตหะรานก็กำลังดำเนินไปอีกครั้ง รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ฮุสเซน อมิราบดอลดาห์เฮียน(Hossein Amirabdollahian) กล่าวกับสื่อของรัฐเตหะรานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า เขาจะพบกับรัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดิอาระเบีย ไฟซาล บิน ฟาร์ฮาน อัล-ซาอูด (Faisal bin Farhan Al Saud) ในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่าหนึ่งในประเด็นหลักที่เตหะรานและริยาดเน้นย้ำในข้อตกลงล่าสุดเกี่ยวกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์คือสันติภาพในภูมิภาค
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการยุติวิกฤตในเยเมนในแง่ของความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบีย รัฐมนตรีต่างประเทศเตหะรานกล่าวว่าเตหะรานเชื่อว่าปัญหาเยเมนเกี่ยวข้องกับประชาชนชาวเยเมนเท่านั้น
อมิราบดอลดาห์เฮียนกล่าวว่า สิ่งที่เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน อาลี ชัมคานี และฝายความมั่นคงของซาอุดิอาระเบีย ได้ตกลงกันในการการเจรจาที่ปักกิ่ง และได้ประกาศในแถลงการณ์ร่วมของพวกเขาด้วย
เขากล่าวว่า มีการแลกเปลี่ยนข้อความผ่านสวิตเซอร์แลนด์ในช่วง ๑๐ วันที่ผ่านมา เนื่องจากอิหร่านแสดงความพร้อมสำหรับการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศและเสนอสถานที่ ๓ แห่งสำหรับการประชุมหารือ
รัฐบาลอาหรับที่อยู่ติดกับอิหร่านต่างยินดีอย่างยิ่งต่อการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างผู้นำทั้งสองในภูมิภาคนี้
ในระหว่างการเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ชัมคานีเรียกร้องให้มีความปรารถนาดีและการประนีประนอมเพื่อยุติ “ความแตกต่างในครอบครัว” โดยเน้นย้ำว่าจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อแทนที่การสู้รบขัดแย้งกันเอง เพื่อรับมือกับความท้าทายที่มีอยู่ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายในภูมิภาค
ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรสุหนี่และสาธารณรัฐชีอะห์พังทลายในปี ๒๕๕๙ จากกรณีผู้ประท้วงชาวอิหร่านบุกสถานกงสุลซาอุดีอาระเบีย หลังจากริยาดประหารชีวิตนักวิชาการชีอะห์ ตั้งแต่นั้นมา พวกเขาต่างเข้าสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามในสงครามกลางเมืองทั้งในเยเมนและซีเรีย ในขณะที่อิหร่านสนับสนุนขบวนการเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน ด้านซาอุดีอาระเบียไปเข้าข้างอิสราเอลเพื่อต่อต้านกลุ่มนี้ ซึ่งอิสราเอลและซาอุฯมองว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย
มาวันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป เมื่อโลกมุสลิมหันมาคืนดีกัน ย่อมส่งผลกระทบต่อแผนการแบ่งแยกแล้วทำลายของคู่หูเมกาและอิสราเอลอย่างน่าตื่นตะลึง สิ่งนี้ยังไม่อาจวางใจได้ เพราะประสบการเลวร้ายที่อิหร่านได้รับจากการที่ผู้นำทางทหารถูกสังหารโหดโดยสหรัฐฯ สั่งการโดยปธน.ทรัมป์ยังไม่ได้รับการชดใช้ การเยือนซาอุดิอาระเบียของอิหร่านครั้งนี้จึงเป็นที่สนใจจับตาจากโลกเป็นอย่างยิ่งว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอย!!??