นับวันเคียฟยิ่งคลั่ง หลังพ่ายแพ้ในเมืองยุทธศาสตร์บัคมุตและอีกหลายแห่งในพื้นที่แนวหน้าการสู้รบ เซเลนสกี้และทีมบริหารได้ออกอาละวาดกับประชาชนของตัวเอง ทั้งไล่ล่ามาเป็นทหารไม่เลือกวัยหรือสภาพสุขภาพร่างกาย ยังคุกคามไปถึงชาวยูเครนด้วยกันที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ อ้างเข้าข้างรัสเซีย ทั้งจับกุมพระ ยึดวัดมาใช้งานด้านอื่น ล่าสุดยังแพร่ภาพให้ทหารยูเครนเผาคัมภีร์อัลกุรอ่านหมายเหยียดหยาม ท้าทายมุสลิมที่เข้าร่วมการต่อสู้กับกองทัพรัสเซีย
วันที่ ๒๐ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกและรัสเซียทูเดย์รายงานว่า รามซาน คาดีรอฟ(Ramzan Kadyrov) ผู้นำสาธารณรัฐเชเชนของรัสเซีย สาบานว่าจะลงโทษทหารยูเครนที่จุดไฟเผาคัมภีร์กรุอานของชาวมุสลิม
คาดิรอฟให้สัมภาษณ์กับ Telegram เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ยืนยันว่าเพียงแค่ออก”ประณามอย่างเป็นทางการต่อการกระทำของผู้ก่อกวนชาวยูเครนที่เพิ่งเผาอัลกุรอาน” เท่านั้นไม่เพียงพอ “ผมประกาศรางวัลห้าล้านรูเบิล คิดเป็น๖๔,๙๕๐ ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการกำจัดขยะนี้” พร้อมเสริมว่าค่าหัวจะสูงเป็นสองเท่าหากผู้ทำลายล้างถูกจับทั้งเป็น
เขาย้ำว่าสามารถรับรางวัลได้ทุกเมื่อในอนาคต “เมื่อใดก็ตามที่มันเกิดขึ้น – วันนี้ พรุ่งนี้ หรือหนึ่งปี เงินจะรออยู่ และไม่ว่าใครทำจะเป็น หมวดหมู่, กลุ่ม, คนเดียว, เพื่อนบ้าน, เงินจะถูกส่งเต็มจำนวน”
จากข้อมูลของคาดิรอฟ วิดีโอล่าสุดเป็นตัวแทนของอุดมการณ์ของรัฐยูเครนและแสดงให้เห็นถึงลักษณะ“หัวรุนแรงและ ซาตาน” นอกจากนี้ เขายังแสดงความสงสัยว่าชายในวิดีโอจะกล้าทำเช่นนี้หรือไม่ หากขณะนั้นมีชาวเชเชนหรือชาวมุสลิมแม้แต่เพียงคนเดียวอยู่ที่นั่น
ผู้นำชาวเชเชนยังกล่าวเหยียดหยามชาวมุสลิมที่เข้าร่วมต่อสู้ในฐานะส่วนหนึ่งของกองกำลังติดอาวุธยูเครน เขาย้ำว่าคนเหล่านี้ไม่มีข้อแก้ตัวที่จะเข้าข้าง”ศัตรูของพระเจ้า”
ในขณะเดียวกัน ผู้แทนกองทัพและนักการทูตของยูเครนปฏิเสธเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เจ้าหน้าที่ทหารของประเทศไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว
คงไม่ต่างจากที่ทหารเคียฟสังหารโหดเชลยรัสเซียลงสื่อโซเชียลมิเดียเพื่อเย้ยหยันและยั่วยุนักรบรัสเซีย ซึ่งทางการของยูเครนก็ปฏฺิเสธอีกเช่นเคย เรื่องแบบนี้สหประชาชาติ กลุ่มสิทธิมนุษยชนและศาลICC ไม่สนใจ ขณะที่เป็นที่วิพากษ์อย่างแรงต่อผู้คนในประเทศอิสลาม
ทนายความชาวอิหร่านและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย อาลี เมห์ปูร์ ลัชเกนารี (Ali Mehrpour Lashkenari) กล่าวว่า “เหตุการณ์ล่าสุดที่มีการเผาคัมภีร์อัลกุรอานโดยกองทัพยูเครน ในแง่หนึ่งเป็นการยั่วยุ และอีกนัยหนึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจโดยจงใจต่อฝ่ายตรงข้าม”
ทนายความกล่าวว่า “นี่เป็นหนึ่งในเครื่องมือของนโยบายลัทธิทหารสุดโต่งเสมอมา เพื่อดูถูกและทำให้ศัตรูอับอาย เราคงนึกถึงกรณีที่คล้ายกันหลายกรณีในประวัติศาสตร์ของลัทธิฟาสซิสต์ในเยอรมนีและอิตาลี เมื่อกลยุทธ์นี้ถูกใช้อย่างกว้างขวาง”
“อคติทางการเมืองและความรู้สึกต่อต้านรัสเซียแบบนี้ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนและสถาบันอื่น ๆ ของสหประชาชาติกลับเพิกเฉยประเด็นนี้ ไม่นำเข้าสู่วาระการประชุมและประเมินอย่างเหมาะสม”
ด้าน ยะห์ยา ชาวอช(Yahya Chawosh) นักรัฐศาสตร์ชาวอัฟกานิสถานกล่าวว่า “การใช้เผาทำลายพระคัมภีร์อัลกุรอานนั้นทั้งชั่วร้ายและน่าขยะแขยง”
แต่เมห์เมต เปรินเซก นักรัฐศาสตร์ชาวตุรกี ฟันธงว่า การยั่วยุในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับการเผาคัมภีร์อัลกุรอานนั้นเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ของนาโต้ในการจุดชนวนความขัดแย้งทางเชื้อชาติและศาสนา
นักประวัติศาสตร์และแพทย์ศาสตร์ประวัติศาสตร์ชาวตุรกี กล่าวว่า “ระบอบการปกครองของเคียฟและอุดมการณ์นีโอฯเป็นเครื่องมือที่อยู่ในมือของพันธมิตรนาโต้ที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งกลยุทธ์นี้มีพื้นฐานมาจากความเย่อหยิ่ง และการดูหมิ่นวัฒนธรรมอื่น ชนชาติอื่น ศาสนาอื่น ทางการยูเครนในปัจจุบันมีอย่างชัดเจน เราสังเกตเห็นความเป็นปรปักษ์ต่อลักษณะทางวัฒนธรรม ชาติพันธุ์ และศาสนาของผู้คนในอิรัก อัฟกานิสถาน เวียดนาม เกาหลี ด้วยความเกลียดชังที่คล้ายคลึงกันซึ่งขณะนี้ได้แสดงออกในรูปแบบต่างๆ ในยูเครน”
ในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา หลังจากสั่งห้ามทุกแพลตฟอร์มทีวีในยูเครนให้ออกอากาศโดยรัฐฝ่ายเดียว จำคุกคู่แข่งทางการเมือง และจำกัดพรรคการเมืองฝ่ายค้าน เซเลนสกี้ ก็สั่งห้ามโบสถ์ยูเครนออร์โธดอกซ์ทำกิจกรรม และมีการจับกุมคุมขังอย่างไม่มีการสอบสวนเรื่อยมา จนไม่นานมานี้พระสงฆ์ออร์โธดอกซ์จากยูเครน ได้เผยแพร่วิดีโอที่พวกเขาเรียกร้องให้ชุมชนคริสเตียนนานาชาติรับรู้การกดขี่ข่มเหงโดยระบอบเคียฟของเซเลนสกี้ สำหรับเคียฟ ต้องเป็นนีโอฯเท่านั้นจึงถูกต้องชอบธรรม ไม่ว่าจะเป็นรัสเซียหรือไม่ก็ตามและนี่คือกลุ่มคนที่สหรัฐ-นาโต้ใช้และสนับสนุนอย่างออกนอกหน้า??
