ธนาคารสวิตเซอร์แลนด์ล้มเละ! สิงคโปร์งานเข้ากองทุนปิดตัว ไทยสวนทางเงินบาทแข็งสู้ ดอลลาห์ใกล้เป็นเศษกระดาษ

0

วันที่ 19 มีนาคม 2566 – Blockdit World Update รายงานว่า สิงคโปร์ งานเข้า! กองทุนการเงินปิดกิจการ ส่วนสวิสฯ ขายธนาคารแล้ว

ปี 2564 เกิดเรื่องอื้อฉาวและความโกลาหลกับธนาคารยักษ์ใหญ่อันดับ 2  Credit Suisse สวิตเซอร์แลนด์ ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน Greensill Capital และสำนักงานครอบครัว Archegos การปล่อยกู้ให้ 2 รายนี้ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาก็เกิดการล้มะลาย ส่งผลให้ธนาคารเกิดความสูญเสียเงินหลายพันล้านดอลลาร์ และถูกปรับจากเรื่องอื้อฉาว “พันธบัตรปลาทูน่า” มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ในโมซัมบิก

จัดเป็นธนาคารสวิสฯ แห่งแรกที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีอาชญากรรมร่วมกับองค์กรที่มีการฟอกเงินให้กับกลุ่มค้าโคเคนในบัลแกเรียที่ดำเนินการโดยอดีตนักมวยปล้ำมืออาชีพ ปี 2565 ธนาคาร Credit Suisse ถูกชาติร่ำรวยพันธมิตรรัสเซีย เช่น ซาอุฯ ฯลฯ ระดมถอนเงินฝากตลอดปี จนขาดทุนบักโกรก ปี 2566 ธนาคารกลางซาอุดิอาระเบียปฏิเสธจะนำเงินมาลงทุนฝากด้วย

ข่าวร้ายๆ คนขาดความเชื่อมั่น ทำให้หุ้นร่วงขาดสภาพคล่องร่อแร่ ต้องกู้ธนาคารกลางสวิสฯ 54,000 ล้านดอลลาร์ แต่อุ้มได้ไม่นาน สถานการณ์เริ่มไม่ค่อยดีอีกครั้ง เพราะยังมีการถอนเงินฝากออกไม่หยุด ทำให้ธนาคารกลางสวิสฯ ไม่ไหวจะถมเงินอุ้มต่อเพราะไม่รู้จะต้องถมลงไปอีกเท่าไร จึงร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแล Finma เตรียมการเจรจากับ UBS Group ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์

ให้เข้ามาเทคโอเวอร์ซื้อกิจการและครอบครองธนาคาร Credit Suisse ทั้งหมดหรือบางส่วน แต่ขณะเจรจาลูกค้าก็แห่ถอนเงินตลอดเวลา ราคาหุ้นร่วงตุ่บตกลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ประธานของธนาคาร ยอมรับว่ายังมีการอพยพถอนเงินของลูกค้าที่มั่งคั่งยังคงดำเนินต่อไป หน่วยงานกำกับดูแลของสวิสฯ บอกกับสหรัฐฯ และอังกฤษว่าการควบรวมธนาคารทั้งสองแห่งเป็น “แผน A” หวังจะฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนคืนมา

ทำให้ UBS กำลังวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและเกิดความลังเล แต่ธนาคารกลางสวิสฯ ต้องการปัญหาจบก่อนที่ตลาดหุ้นจะเปิดในวันจันทร์ที่ 20 มี.ค.เพราะถ้าล่าช้าออกไปอาจเอาไม่อยู่ สถานการณ์ล่าสุด Deutsche Bank ธนาคารเพื่อการลงทุนและสถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี  มีความสนใจเข้าเทคโอเวอร์กิจการของธนาคาร Credit Suisse ส่วนกองทุน BlackRock สหรัฐ ปฏิเสธการแข่งขัน

วิกฤติธนาคารและสถาบันการเงินสหรัฐ ล้มไปแล้ว 4 แห่ง , อังกฤษ 1 แห่ง , สวิตเซอร์แลนด์กำลังร่อแร่รอเจ้าของรายใหม่มาเทคโอเวอร์ซื้อกิจการ ว่าจะเป็นใครระหว่างสวิสฯ ชาติเดียวกัน หรือเยอรมนี วิกฤติการเงินยังกระโดดจั้มมาที่สิงคโปร์ กองทุนเฮดจ์ฟันด์ Graticule Asia หุ้นร่วงลงอย่างหนักมากกว่า 25% ในช่วงไม่กี่วันหลังการล้มละลายรัวๆ ธนาคารในสหรัฐ

นาย Adam Levinson ผู้บริหาร ยืนยันกับสำนักข่าว Bloomberg ว่าเขาจะปิดกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Graticule Asia ที่มีสินทรัพย์บริหารราว 3,000 ล้านดอลลาร์ เพราะได้รับผลกระทบจากการขาดทุนจากผันผวนของตลาดตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์ว่า..แม้จะมีเจ้าของใหม่มาเทคโอเวอร์ช้อนซื้อกิจการธนาคารสวิสฯ แต่ปัญหาก็จะไม่จบ เพราะบรรดาอีลิทผู้ร่ำรวยก็ยังไม่เชื่อถืออยู่ดี ยังคงจะแห่ถอนเงินต่อไปจนหุ้นร่วงเป็นระยะ

จนกว่าการถอนเงินนั้นจะถึงจุดอิ่มตัวเหลือแต่เงินลงทุนของผู้ถือหุ้นเจ้าของกิจการรายใหม่ ซึ่งก็เสมือนเป็นการ Set Zero เริ่มต้นกิจการธนาคารนี้อีกครั้ง และแทบจะไม่ได้ลูกค้ากระเป๋ารายเดิมกลับคืนมา ส่วนสิงค์โปร์นั้น คาดว่าจะมีอีกหลายกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่บริหารสินทรัพย์เกี่ยวข้องกับเผือกร้อนพันธบัตรสหรัฐ หรือหุ้นธนาคารสถาบันการเงินสหรัฐ ก็กำลังร่อแร่จากการขาดทุนเช่นกัน

ให้สังเกตุว่าขณะนี้ค่าเงินบาทไทยกำลังแข็งแกร่งขึ้นมากจากเดิมเกือบ 36 บาท แข็งค่าขึ้นมาเป็นราว 33.9 บาท/ดอลลาร์ แสดงถึงการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ แกว่งอย่างผิดปกติ ส่วนทองคำราคาพุ่งขึ้น แต่ถ้าพุ่งสูงเกินไปจะเกิดปัญหาต่อเศรษฐกิจโดยรวม คำถามคือ ถ้าพันธบัตรสหรัฐ มั่นคงเชื่อถือได้ “เขาเอาสินทรัพย์มีค่าอะไรค้ำประกัน” เพราะพันธบัตรก็คือเอกสารสัญญากู้เงินชนิดหนึ่ง

ถ้าบอกว่าหลักทรัพย์คือรัฐบาลสหรัฐ เป็นประกัน ก็ถามต่อว่าแล้วรัฐบาลเขามีหลักทรัพย์อะไร? เพราะที่เห็นมีแต่หนี้เกินเพดานกำหนด ถ้าเขาผิดนัดชำระหนี้ผู้ถือพันธบัตรกล้าเดินไปยึดทรัพย์ตึกอาคารรัฐบาลสหรัฐชดใช้หนี้หรือไม่? ตราสารหนี้และเงินตราสหรัฐ คือ ต้นตอความผันผวนที่ทำให้ธนาคาร สถาบันการเงิน กองทุนเฮดจ์ฟันด์ ที่ถือครองและหมุนเวียนล้มครืนเป็นโดมิโนไปแล้ว 6 แห่งใน 3 ประเทศ ในเวลา 7 วัน และร่อแร่อยู่ ICU อีก 1 แห่งรอเจ้าของใหม่มาปั้มหัวใจ

ส่วนจีน ก็ยังคงมุ่งเทกระจาดขายทิ้งพันธบัตรสหรัฐ อย่างหนักหน่วงติดต่อกันมา 9 เดือนแล้ว ถ้ามันน่าเชื่อถือและมั่นคงดีจริง แล้วจีนที่หัวพ่อค้าจะขายทิ้งมากมายขนาดนั้นทำไม ? สรุป..พันธบัตรสหรัฐ และเงินดอลลาร์ คือ ต้นเหตุปัญหาเจ็บป่วยวิกฤติโดมิโน”ไวรัสโรคติดต่อทางการเงิน” และมันกำลังไล่เล่นงานผู้ถือครองมากทีละรายโดนกันถ้วนหน้าแน่นอน 😁🤭😂

⏩ สิงคโปร์ งานเข้า! กองทุนการเงินปิดกิจการ ส่วนสวิสฯ ขายธนาคารแล้ว

https://www.blockdit.com/posts/6415fc94a2f80cde10aa2b26