จากที่ชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านพลังงาน น้ำมัน ก๊าซ ส่งผลให้หลายประเทศประสบวิกฤตอย่างรุนแรง แม้กระทั่งประเทศที่ไม่อยู่ในยุโรป แต่ส่งอาวุธไปให้ ก็โดนรัสเซียสั่งสอนอย่างแสนสาหัสด้วย
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2566 Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงการซื้อขายน้ำมันล่าสุดของรัสเซียกับชาติพันธมิตรและประเทศที่ไม่เป็นมิตรว่า
“องค์กรประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) รายงานว่าผลผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือน กุมภาพันธ์ 2566 จำนวน 28.924 ล้านบาร์เรล/วัน เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า
เมื่อรัสเซียและพันธมิตรรวมเข้าไปจึงเกิดกลุ่ม OpecPlus โดยซาอุดิอาระเบีย ผลิตได้สัดส่วนราว 12.5% ของโลก , รัสเซีย 10.5% และอิหร่าน 2.57%
โลกเราใช้น้ำมันดิบวันละราว 100 ล้านบาร์เรล/วัน ดังนั้น ดังนั้นกลุ่มนี้คือ มหาอำนาจทางพลังงาน ที่แท้จริง เป็นผู้ส่งออกน้ำมันส่วนใหญ่ให้ชาวโลก ไม่ควรไปขัดแย้งกับชาติในกลุ่มนี้
รัฐบาลปากีสถานชุดนี้แม้จะพยายามเป็นกลาง แต่ก็ยังค่อนข้างกลัวคำขู่สหรัฐ ที่คอยยุให้ทะเลาะกับอินเดีย และขัดแย้งกับจีน อัฟกานิสถาน ถ้าไม่ทำก็หนุนก่อม็อบโค่นล้มรัฐบาลชุดที่ตนไม่ต้องการ
ด้วยปีก่อนปากีสถานเกิดภัยธรรมชาติน้ำท่วม จึงการเงินขัดสน ขณะที่ปากีสถานต้องต่อสู้กับวิกฤตสภาพคล่องของสกุลเงินดอลลาร์ เพราะพันธบัตรสหรัฐที่ธนาคารถือไว้ด้อยมูลค่าลง และขอซื้อน้ำมันจากสหรัฐ ในราคาต่ำเขาก็ไม่ขายให้
ปัจจุบันรัสเซียขายน้ำมันดิบให้ทั่วโลกในราคา 83 ดอลลาร์/บาร์เรล ปากีสถานขอส่วนลด 30% นั่นหมายความว่าขอซื้อในราคา “ต่ำกว่าเพดาน” 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ตามที่ชาติตะวันตกกำหนด
รัสเซีย เคยออกประกาศกฎหมายห้ามบริษัทน้ำมันของตนขายน้ำมันให้กับผู้ขอซื้อที่ต่ำกว่ากำหนดเพดานราคานั้น ยกเว้น”มีความสัมพันธ์ด้านมิตรภาพ” สามารถต่ำกว่าได้โดยผู้นำรัสเซีย พิจารณาเป็นรายไป
รัสเซียจึงปฏิเสธ แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดการซื้อ เช่น วิธีการชำระเงิน ค่าขนส่งพร้อมเบี้ยประกันภัยและประกัน และ”เหตุผลอื่น” จึงให้ส่วนลดราคาน้ำมันดิบ 10% ขายให้ในราคาราว 74 ดอลลาร์/บาร์เรล
โดยปากีสถาน จะนำเข้าเรือขนส่งน้ำมันดิบ 1 ลำเป็นครั้งแรกเพื่อทดสอบต้นทุน และจ่ายชำระเงินให้รัสเซียในสกุลเงินที่เป็นมิตร เช่น สกุลเงินจีน ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
วิเคราะห์ว่า…เกิดจากรัสเซีย พบลูกปืนใหญ่ขนาด 120 มม.ที่ปากีสถานขายให้บัลแกเรีย เยอรมนี แล้ว NATO มาขอซื้อต่อเอาไปให้ยูเครนทำสงคราม จากนั้นก็มาหักหนี้จากวงเงินกู้ของสหภาพยุโรป ล็อตล่าสุด 2,000 ล้านยูโร
ถ้าปากีสถานไม่ขายลูกปืนใหญ่มาให้ยุโรป ที่คลังอาวุธโล่งไปแล้ว ไปขอซื้อมาทำสงครามกับรัสเซีย ก็จะได้ส่วนลดราคาน้ำมันที่มากกว่านี้แบบอินเดีย จีน อัฟกานิสถาน ฯลฯ เพราะรัสเซียนั้น ใจถึงพึ่งได้ แต่ถ้าใครทำไม่จริงใจกับเขาๆ ก็ไม่อยากช่วยเหลือเหมือนกัน ตัวอย่างยุโรปส่งทหารปลอมเป็นพ่อค้าอาวุธมาขอซื้อลูกปืนใหญ่ 120 มม.จากเวียดนาม เขาก็ไม่ยอมขายให้
ถ้าสหรัฐ และยุโรป ใจรักที่จะทำสงครามยืดเยื้อกับรัสเซีย จีน อิหร่าน พวกเขาก็ต้องมีสายป่านผลิตอาวุธและกระสุนปืนใหญ่ที่มากกว่ารัสเซีย ไม่ใช่ตระเวนเดินสายบากหน้าไปขอซื้อจากทั่วโลก แม้ไม่ได้ขายให้ยูเครนโดยตรง ก็ทำให้ชาติผู้ขายผ่านสหภาพยุโรป รับเคราะห์
เป็นบทเรียนผู้มีอำนาจกลุ่มอาเซียนว่า อาวุธชาติของตน อย่าถ่ายโอนหรือขายไปต่อให้กับ NATO เอาไปทำสงคราม เพราะซาก Lot No.อาวุธสามารถตรวจสอบได้ว่ามาจากประเทศใด จะส่งผลให้การเจรจาการค้ากับรัสเซีย จีน ไม่ราบรื่น ประชาชนเสียประโยชน์ เดือดร้อน คล้ายชาวยุโรปขณะนี้แน่นอน”
