สงครามเศรษฐกิจระหว่างกลุ่มอำนาจขั้วเดี่ยวแองโกลแซกซอนที่นำโดยสหรัฐฯกับกลุ่มโลกหลายขั้ว ฝ่ายเมกาและพวกกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจครั้งมโหฬาร ที่อาจเป็นจุดเปลียนของระบบการเงินแบบเก่าเข้าสู่วิถีใหม่ ซึ่งเหตุการณ์Bank runจากสหรัฐฯลามสู่ยุโรปเอเชีย กำลังเป็นประเด็นร้อนที่ถกเถียงกันของค่ายนักคิดเศรษฐศาสตร์การเมืองทั้งหลาย
โรเจอร์ มาร์แชล วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ(US Senator Roger Marshall)กลับทะลุกลางปล้องในการปราศรัยของรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผานมาว่า “รัสเซียหรือจีนไม่ได้เป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อสหรัฐฯ แต่หนี้สินของประเทศมูลค่า ๓๑ ล้านล้านดอลลาร์ต่างหากคือภัยที่ยิ่งใหญ่ที่ควรได้รับการเอาใจใส่แก้ไขอย่างจริงจัง”
มาร์แชลกล่าวกับคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาสหรัฐฯ “ฉันมักถูกถามว่าอะไรคือภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประเทศของเราเผชิญอยู่ และฉันจะบอกคุณ นั้น ว่าไม่ใช่รัสเซีย ไม่ใช่จีน ไม่ใช่เกาหลีเหนือ ไม่ใช่อิหร่าน และไม่ใช่เพราะ ฉันรักสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ภัยคุกคามระยะยาวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่สหรัฐฯกำลังเผชิญคือหนี้ ๓๑ ล้านล้านดอลลาร์ของเราที่เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ”
มาร์แชลกล่าวว่า ปธน.โจ ไบเดนใช้จ่ายมากกว่าประธานาธิบดีคนอื่นๆ ในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ในช่วง ๒๐ เดือนแรกที่ดำรงตำแหน่ง ภายใต้การบริหารของเขา ราคาพลังงานเพิ่มขึ้นมากกว่า ๓๗% เชื้อเพลิงในการทำความร้อนในบ้านมากกว่า ๕๒% ราคาไฟฟ้ามากกว่า ๒๓% น้ำมันเบนซินมากกว่า ๔๕% และร้านขายของชำมากกว่า ๑๙% แต่ค่าจ้างที่แท้จริงในสหรัฐฯ ไม่สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ
เมื่อวันที่ ๙ มี.ค.ที่ผ่านมาปธน.ไบเดนได้เสนองบประมาณประจำปี ๒๕๖๗ คาดการณ์การใช้จ่าย ๖.๘๘๓ ล้านล้านดอลลาร์ และรายรับ ๕.๐๓๖ ล้านล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ขาดดุล ๑.๘๔๗ ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐฯ เข้าใกล้เพดานหนี้ ซึ่งเสี่ยงต่อการผิดนัดชำระหนี้ของประเทศภายในกลางปีนี้ พรรครีพับลิกันวิพากษ์ไบเดนและเดโมแครตเต็มเหนี่ยวถึงการใช้งบฯแบบไม่มีวินัย และการทุ่มเงินให้ยูเครนอย่างไม่มีกำหนดแน่นอนว่าจะจบลงเมือไหร่
มาดูฝั่งรัสเซียกันบ้าง
วันที่ ๑๗ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และรัสเซียทูเดย์รายงานสุนทรพจน์ของปธน.ปูตินเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของรัสเซียจากการคว่ำบาตรอย่างหนักของสหรัฐฯและตะวันตก ปูตินกล่าวว่า “ประเทศได้จัดการเพื่อชดเชยอย่างเต็มที่สำหรับการสูญเสียการเข้าถึงตลาดตะวันตก” “รากฐานของการดำรงอยู่ของเราและอนาคตของครอบครัวและลูก ๆ ของเราอยู่ที่นี่ ในรัสเซีย ไม่ใช่ตะวันตก”
เขากล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมใหญ่ของสภาคองเกรสแห่งสหภาพนักอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการแห่งรัสเซีย หรือRSPP ในกรุงมอสโก
จากคำกล่าวของประมุขแห่งรัฐ การค้าต่างประเทศของรัสเซียเติบโตมากกว่า ๘% ในปีที่แล้ว ขณะที่ยอดเกินดุลการค้าในปีที่แล้วอยู่ที่ ๓๓๒,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ประธานาธิบดีตั้งข้อสังเกตว่า”ชาวยุโรปอื่น ๆ กำลังพยายามโน้มน้าวให้ทุกคนเชื่อถึงการล่มสลายของเศรษฐกิจรัสเซียที่ใกล้เข้ามา ทั้งๆที่อัตราเงินเฟ้อของสหภาพยุโรปในยูโรโซนสูงขึ้นก็ตาม
อัตราเงินเฟ้อในรัสเซียคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ ๔% ในขณะที่การเติบโตของการค้าปลีกคาดว่าจะสูงถึง ๕% ในเดือนเมษายน ปูตินกล่าวว่า “ต้องขอบคุณตลาดแรงงานที่มีเสถียรภาพ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และค่าจ้างที่สูงขึ้น”
ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า “ปีที่แล้ว รัฐบาลตะวันตกได้บีบบังคับบริษัทของพวกเขา บังคับให้บริษัทบางแห่ง หลายแห่งออกจากตลาดรัสเซีย จากนั้นนักวิเคราะห์ต่างชาติคาดการณ์ว่าภาคผู้บริโภคจะตกต่ำและลดลง คาดว่าชั้นวางของในร้านจะว่างเปล่า การขาดแคลนสินค้าครั้งใหญ่ และความล้มเหลวของภาคบริการ แต่ชีวิตพลิกผัน โดยขณะนี้ประเทศตะวันตกเรียกร้องให้ประชาชนกินหัวผักกาดแทนผักและผลไม้กันแล้ว”
เขาพูดติดตลกว่า “หัวผักกาดเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่คุณอาจจะต้องหันไปหาเราสำหรับซื้อหัวผักกาดด้วย เพราะระดับการเพาะปลูกของเรายังคงสูงกว่าเพื่อนบ้านของเราในยุโรป”
ประธานาธิบดีรัสเซียยังเรียกร้องให้บรรดามหาเศรษฐีของรัสเซียลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ โรงงานผลิต และกิจการต่าง ๆ เพื่อช่วยเอาชนะสิ่งที่เขาเรียกว่าความพยายามของชาติตะวันตกที่จะทำลายเศรษฐกิจของประเทศ เขาย้ำว่าการตัดสินใจลงทุนอย่างถูกจังหวะในวันนี้จะให้ผลตอบแทนเป็นร้อยเท่าในวันพรุ่งนี้ ดูเหมือนจะพูดเหมือนปธน.สี จิ้นผิง ที่ปลุกเร้าให้ภาคธุรกิจของจีนพึ่งตนเองให้มากที่สุดทั้งการผลิตและนวตกรรม หลีกห่างจากการพึ่งพาเมกาและตะวันตก
ปูตินประเมินการคว่ำบาตรที่ออกโดยตะวันตกและพันธมิตรต่อมอสโกว์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่า การยืนหยัดต่อสู้กับการคว่ำบาตรมโหฬารกลายเป็นก้าวที่ทรงพลังไปสู่อธิปไตยทางเศรษฐกิจและการเงินที่มากขึ้นของรัสเซีย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ เขากล้าเสี่ยงสู้และประสบชัยชนะอย่างน้อยในรอบ ๑ ปีนี้ได้พิสูจน์ให้เห็น
วันนี้พิสูจน์ชัดว่ามาตรการโหดของตะวันตกไม่เพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจรัสเซียพิการ เจ้าหน้าที่ชาติตะวันตกเริ่มยอมรับว่า การตัดสินใจของรัฐบาลรัสเซีย ในการผลักดันการคว่ำบาตรกลับ ช่วยให้ฐานทางการคลังของประเทศสามารถยืนหยัดได้ แม้ว่าจะมีสภาพแวดล้อมที่ท้าทายมากข้นก็ตาม
ข้อเท็จจริงที่ทั้งโลกมองเห็นคือเศรษฐกิจรัสเซียเข็มแข็ง มีรายได้เกินดุลการค้า ส่วนเมกาและพวกกำลังเจอพายุThe Great Recessionจากการกระทำของตัวเอง ไม่ว่าจะตั้งใจหรือพลาดผลก็คือบาดเจ็บกันทั่วหน้า!??