จากกรณีธนาคารยักษ์ใหญ่ของสหรัฐล้มละลาย ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจที่ดูย่ำแย่อยู่แล้ว ยิ่งกระหน่ำซ้ำเติมให้กับชาติยุโรป โดยปรากฏกลายเป็นโดมิโนในอีกหลายประเทศโดยธนาคารต่างประกาศล้มละลายตามมา
ล่าสุดวันนี้ 16 มีนาคม 2566 มีความเคลื่อนไหวที่ต่อเนื่อง โดย Blockdit World Update ได้เผยแพร่ข้อมูลที่นาสนใจและติดตามเป็นอย่างยิ่งกับอีกหนึ่งประเทศที่ธนาคารต้องล้มละลายว่า
“เมื่อยุโรปคว่ำบาตรสินค้าโภคภัณฑ์รัสเซีย และที่สำคัญธนาคารในสหรัฐ และยุโรป ชักดาบเงินฝากธนาคารรัสเซีย ไม่จ่ายหนี้คืนให้ 300,000 ล้านดอลลาร์ นับจากนั้นมาสมดุลทุกสิ่งก็ขาดสะบั้นลง บรรดาชาติร่ำรวยพันธมิตรรัสเซีย และมหาเศรษฐี ต่างขาดความเชื่อถือต่อธนาคารในสหรัฐ และยุโรป จึงทยอยถอนเงินฝากออกกันมาเรื่อยๆ
การขาดความเชื่อถือเป็น จุดตาย ของธนาคารเริ่มเกิดความผิดปกติในระบบการเงิน เกิดความไม่สมดุลขึ้นในทวีปยุโรป ก่อวิกฤติปัญหาสะสมมากว่า 1 ปี
ต่อมาฟองสบู่เริ่มแตกขึ้นที่ส่วนหัว คือ สหรัฐ วิกฤติการเงินความวุ่นวายในหุ้นธนาคารล้มละลายไปแล้ว 3 แห่ง ตอนนี้ถึงคิวธนาคารแห่งที่ 4 ที่ร่อแร่ คือ First Republic Bank
หุ้นร่วงลงอย่างมากถึง 61.8% ต้องหยุดพักการซื้อขายชั่วคราว ธนาคารขาดสภาพคล่องกัดฟันขอกู้จาก Federal Reserve และ JPMorgan Chase จำนวน 70,000 ล้านดอลลาร์
ปัญหาไม่จบง่ายๆ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ธนาคารยักษ์ใหญ่ Credit Suisse สวิตเซอร์แลนด์ รายงานประจำปี 2565 ว่ามีสินทรัพย์ 1.29 ล้านล้านฟรังก์ (1.4 ล้านล้านดอลลาร์) เฉพาะในไตรมาสที่ 4 ปีที่แล้ว ลูกค้าผู้มั่งคั่งถอนเงินออกจากธนาคาร ประมาณ 100,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้ขาดทุน 7,290 ล้านฟรังก์ สูญเสียเงินต่อเนื่องถึง 5 ไตรมาสติดต่อกัน
ต่อมาปริศนาเริ่มคลี่คลาย เมื่อเจ้าชาย นายกรัฐมนตรีซาอุฯ โพสต์โซเชียลปริศนาว่า ดอลลาร์ร่วง วันถัดมาสื่อ Bloomberg รายงานว่าอัมมาร์ อัล คูแดรี ประธานธนาคารแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย (Saudi National Bank) ปฏิเสธไม่ลงทุนในธนาคารยักษ์ใหญ่ Credit Suisse สวิสเซอร์แลนด์
เมื่อสื่อถามว่า หากธนาคารยักษ์ใหญ่ Credit Suisse ร้องขอให้มีสภาพคล่องมากขึ้นซาอุดิอาระเบีย จะอัดฉีดเงินเพิ่มเติมหรือไม่? ประธาน Saudi National Bank (SNB) ระบุชัดเจนเสียงดังฟังชัดว่า คำตอบคือไม่อย่างแน่นอน ด้วยเหตุผลหลายประการนอกเหนือจากเหตุผลที่ง่ายที่สุด ซึ่งก็คือกฎข้อบังคับและกฎหมาย
สิ้นคำประกาศจากซาอุฯ ล่าสุดเมื่อวัน 15 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมาหุ้นธนาคาร Credit Suisse ยักษ์ใหญ่ของสวิสเซอร์แลนด์ ร่วงตุ๊บลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ลดค่าลงเกิน 23% ไปแล้ว ต้องสั่งพักหยุดการซื้อขายหุ้นชั่วคราว และกำลังรูดตกลงตลอดเวลา สร้างแรงกดดันต่อตลาดหุ้นภาคธนาคารในยุโรปตามมาเป็นโดมิโน คือธนาคารรายใหญ่ของฝรั่งเศส Societe Generale GLE ร่วงเกิน 12% และ BNP Paribas ร่วงเกือบ 10%
การขาดทุนของธนาคารสวิสฯ และลามไปธนาคารฝรั่งเศส เกิดความวิตกกังวลว่าธนาคาร Credit Suisse จะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ เนื่องจากหุ้นของบริษัทตกลงต่ำกว่าระดับ two-handle ไปแล้ว
และถ้าธนาคารสวิสฯ ล้มลง วิกฤตการณ์จะใหญ่หลวงเพียงใด โดยสวิตเซอร์แลนด์ มีแผนการกู้คืนและแผนฉุกเฉินคือ แปลงพันธบัตรเป็นทุน ผ่านกระบวนการประกันตัวเองหากจำเป็น
เรียกภาษาชาวบ้านคือ ทำ QE ค้ำประกันตัวเอง ใช้เงินอนาคตพิมพ์เงินฟรังก์สวิส อัดฉีดเข้าระบบธนาคาร โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะประชุมในวันที่ 16 มี.ค.2566 และคาดว่าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก”
