ในภาวะที่ความสัมพันธ์ของอิหร่านกับสหรัฐฯและอิสราเอลตึงเครียดเพิ่มขึ้น อิหร่านได้เดินหน้าสู่ภูมิภาคตะวันออกอย่างเอาจริงเอาจัง และกระชับความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเพิ่มขึ้นกับพันธมิตรโลกหลายขั้วจีนและรัสเซีย
ล่าสุดกองทัพเรือกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (Islamic Revolution Guards Navy) ได้พัฒนาเรือทหารไร้คนขับที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการปฏิบัติการรบ หลังจากเปิดตัวฐานทัพใต้ดินและโชว์ศักยภาพขีปนาวุธรุ่นใหม่ข่มเมกาและพวกอย่างตั้งใจ เมื่อการพัฒนาด้านกำลังรบและอาวุธยุทโธปกรณ์ก้าวหน้ามากขึ้น การเดินหมากทางการทูตและเศรษฐกิจก็ประสบความสำเร็จอย่างชัดเจน รมว.ต่างประเทศอิหร่านเดินสายเยือนมิตรประเทศ ในกลุ่มประเทศมุสลิมได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ขณะที่เปิดท่าทีให้กลุ่มควบคุมนิวเคลียร์ของสหประชาชาติเยือนพื้นที่ไซด์ก่อสร้างโครงการนิวเคลียร์เพื่อสันติของตนได้
วันที่ ๑๕ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซนิมนิวส์รายงานว่า พลเรือตรี อาลี เรซา ตังสิรี ผู้บัญชาการกองทัพเรือ (IRGC IRGC Navy Commander Rear Admiral Ali Reza Tangsiri )ประกาศในรายการโทรทัศน์เมื่อคืนวันจันทร์ว่า กองกำลังของเขาได้รับเรือไร้คนขับที่ติดตั้งปัญญาประดิษฐ์
เขาตั้งข้อสังเกตว่าเรือบรรทุกที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถควบคุมการโจมตีหมู่ได้ร่วมกับเรือไร้คนขับอีกหลายลำ
ผู้บัญชาการยังเตือนประเทศเพื่อนบ้านที่ยอมให้ระบอบไซออนิสต์ตั้งฐานที่มั่นในภูมิภาคว่า อันตรายใดๆ ต่ออิหร่านจะนำมาซึ่งการตอบโต้อย่างเฉียบขาด
นายพลยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับขีดความสามารถด้านขีปนาวุธของเรือรบและเรือเร็วของกองทัพเรือ IRGC โดยระบุว่าเรือตาเร็ค (Tareq) สามารถยิงขีปนาวุธได้ในระยะ ๑๘๐ กิโลเมตรในขณะที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ๖๐ นอต
นอกจากนี้ เขาย้ำว่าเรือรบประจัญบานด้านลอจิสติกส์ ‘มาห์ดาวี’ (Mahdavi) ได้รับการตกแต่งด้วยขีปนาวุธร่อนที่มีพิสัยทำการ ๓๐๐ ถึง ๗๕๐ กิโลเมตร โดยเรือลำนี้ยังสามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ๕ ลำ โดรนพลีชีพที่มีระยะ ๑,๓๐๐ กิโลเมตร และโดรน เซเปห์-๗(Sepehr-7) ที่มีความทนทานในการบิน ๘ ชั่วโมงในระยะทาง ๒๐๐ กิโลเมตร
ผู้บัญชาการเปิดเผยแผนการที่จะเปิดตัวเรือรบบรรทุกโดรนลำใหม่ ซึ่งตั้งชื่อตามผู้พลีชีพในการสู้รบว่า ‘บาห์มัน บาเกรี’
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เรือรบซาฮิด มาห์ดาวี(Shahid Mahdavi) ได้ออกเดินเรือในมหาสมุทร ตลอดจนเรืออื่นๆและเรือเร็วอีก ๙๕ ลำเข้าร่วมกองเรือของกองทัพเรือ IRGC
เจ้าหน้าที่อิหร่านเน้นย้ำหลายครั้งว่าอิหร่านจะไม่ลังเลที่จะเสริมสร้างศักยภาพทางทหารของตน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายหลักไว้เพื่อป้องกันประเทศเท่านั้น
การในมาเยือนของผู้นำเบลารุสไม่กี่วันมานี้ ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม อยาตอลเลาะห์ เซยิด อาลี คาเมเนอี เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ประเทศที่ถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ จะต้องร่วมมือกันและจัดตั้งแนวร่วมเพื่อทำลายอาวุธแห่งการคว่ำบาตร
ในการประชุมกับปธน.อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก(Alexander Lukashenko) แห่งเบลารุสซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเตหะรานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ผู้นำเตหะรานมองว่าความสามารถในการร่วมมือของอิหร่านและเบลารุสนั้นไกลเกินกว่าระดับปัจจุบัน
ท่านผู้นำได้พูดถึงเงื่อนไขมากมายที่อิหร่านและเบลารุสใช้ร่วมกัน โดยอ้างถึงการคว่ำบาตรอันกลั่นแกล้งของสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกบางประเทศว่าเป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่ทำให้ทั้งสองประเทศร่วมมือกันได้มากขึ้น คาเมเนอีกล่าวว่า “ประเทศที่ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร จะต้องร่วมมือกันและจัดตั้งแนวร่วมเพื่อทำลายอาวุธคว่ำบาตร เราเชื่อว่าสิ่งนั้นจะทำได้”
ขณะเดียวกับที่ตัวแทนอิหร่านได้ไปเยือนอิรักเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี นายกรัฐมนตรีอิรักยังแสดงความยินดีต่อความสัมพันธ์อิหร่าน-ซาอุดีอาระเบียที่ได้รับการฟื้นฟู โดยเสริมว่า “อิรักพร้อมสำหรับการไกล่เกลี่ยเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับประเทศอื่นๆ”
วาฮิด จาลัลซาเดห์(Vahid Jalalzadeh) สมาชิกสภาที่ปรึกษาอิสลามอิหร่าน นำทีมคณะเข้าพบ ฟาเอ็ด ฮุสเซน(Fuad Hussain)นายกรัฐมนตรีอิรัก
นายกรัฐมนตรีอิรักได้กล่าวต้อนรับคณะผู้แทนรัฐสภาอิหร่านที่มาเยือน และจัดการประชุมคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมอิหร่าน-อิรัก ครั้งที่ 5 ได้อ้างถึงภูมิหลังทางประวัติศาสตร์และศาสนาของอิหร่านและอิรักกล่าวว่า ในด้านความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเขาจะทำอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีให้สูงขึ้นไปอีกขั้น
นอกจากนี้ เขายังแสดงความหวังว่าข้อตกลงความมั่นคงอิหร่าน-อิรักจะถูกนำมาใช้ในเร็วๆ นี้ และจะเห็นผลในทางปฏิบัติต่อความสัมพันธ์ทวิภาคีทั้งสองฝ่ายโดยเร็วที่สุด