วันที่ ๑๓ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิกรายงานว่า กองทัพรัสเซียได้ใช้จรวดTornado-G ซึ่งเป็นรุ่นที่ปรับปรุงใหม่ของ BM-21 Grad MLRS ระบบมีประสิทธิภาพการยิงที่เพิ่มขึ้น ใช้กระสุนที่ทรงพลังมากขึ้น และระบบนำทาง การเล็ง และอุปกรณ์นำทางอัตโนมัติ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้เผยแพร่วิดีโอของระบบจรวดหลายลูกทอร์นาโด-จี ทำลายฐานสังเกตการณ์ของกองกำลังยูเครนในทิศทางของซาโปริชเชีย
ผู้บัญชาการหน่วย MLRS ของกองทัพรัสเซียกล่าวว่า”บ่ายวันนี้ ภารกิจได้รับมอบหมายให้ทำลายเสาสังเกตการณ์ซึ่งระบุโดยยานบินไร้คนขับลำหนึ่งของเรา ผลก็คือ ลูกเรือซึ่งอยู่ห่างจากตำแหน่งยิง 200-300 เมตร ได้รุกล้ำและทำดาเมจ การโจมตีด้วยไฟ UAV บันทึกการทำลายเสาสังเกตการณ์”
รัสเซียเปิดตัวปฏิบัติการทางทหารพิเศษประกาศจุดมุ่งหมายเพื่อ “ทำให้ยูเครนปลอดลัทธิทหารสุดโต่งและปลดกลุ่มนิโอฯให้หมดจากประเทศ” ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๕ หลังการร้องขอจากสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์และลูกันสค์ให้ปกป้องพลเมืองของตนจากการโจมตีที่โหดร้ายเพิ่มขึ้นโดยเคียฟนับตั้งแต่รัฐประหารไมดาน
ที่ล่าสุดกลาโหมก็เปิดเผยการใช้ขีปนาวุธ R-37M รุ่นใหม่ในรัสเซียนฟอร์ซ และกองกำลังการบินและอวกาศ แสดงประสิทธิภาพระดับสูงต่อเป้าหมายทางอากาศของยูเครน
ข่าวเรื่องนี้เป็นแหล่งข่าวจากกองทัพเปิดเผยแก่ผู้สื่อข่าวสปุ๊ตนิกว่า ““ขีปนาวุธ R-37M รุ่นใหม่ล่าสุดได้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพสูงสุดในระหว่างปฏิบัติการทางทหารพิเศษ เมื่อใช้ขีปนาวุธ ความน่าจะเป็นที่จะโจมตีเป้าหมายใกล้กับเป้าหมายหนึ่งจะถูกบันทึกไว้ นั่นคือขีปนาวุธหนึ่งลูกก็เพียงพอสำหรับเครื่องบินทหารยูเครนหนึ่งลำ”
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า R-37M ถูกนำมาใช้กับเป้าหมายทางอากาศต่อยูเครนหลายเป้าหมาย และได้รับการปล่อยตัวจากเครื่องบินขับไล่อเนกประสงค์ Su-35S ของรัสเซีย เครื่องบินสกัดกั้น MiG-31BM ตลอดจนเครื่องบินรบ Su-57 รุ่นที่ห้า
ปรากฎการณ์ล่าสุดในสนามรบ “ขีปนาวุธ R-37M ได้ยิงเครื่องบินรบ Su-27 และ MiG-29 ของยูเครน เครื่องบินโจมตี Su-25 เครื่องบินทิ้งระเบิดแนวหน้า Su-24M เฮลิคอปเตอร์บินต่ำ และโดรนหลายลำตก รวมทั้งโดรนเบย์รักตาร์สของยูเครน (Bayraktars)”
“ในขณะเดียวกัน ขีปนาวุธได้แสดงให้เห็นประสิทธิภาพสูงในการชนเป้าหมาย การหลบหลีกด้วยน้ำหนักบรรทุกเกินพิกัดจำนวนมาก”
แหล่งข่าวเน้นย้ำว่าขีปนาวุธ R-37M รุ่นใหม่ของรัสเซียมีลักษณะเฉพาะสำหรับขีปนาวุธอากาศสู่อากาศในแง่ของพิสัย ความเร็ว ตลอดจนความเร็วและระยะความสูงของเป้าหมายที่ถูกยิง
ระยะยิงสูงสุดของ R-37M คือประมาณ๓๐๐ กิโลเมตร หรือ ๑๘๖ ไมล์ ความสูงของเป้าหมายที่เป็นไปได้คือระหว่าง ๓๐ เมตร หรือประมาณ ๙๘ ฟุต ไปจนถึง ๒๕ กิโลเมตร ในขณะที่ความเร็วการบินสูงสุดของขีปนาวุธคือหกเท่าของความเร็วเสียง ซึ่งโดยพื้นฐานแล้วมันทำให้มันมีความเร็วเหนือเสียงนั่นเอง
ด้านสื่อฝั่งยูเครนรายงานเรื่องนี้ว่า แม้ว่าตะวันตกจะมองว่าปัจจุบันมี Su-57 เพียง ๑๐ ลำประจำการในกองทัพอากาศรัสเซีย แต่เครื่องบินรบรุ่นนี้ได้ถูกนำไปใช้ในบทบาทที่หลากหลายกว่าเครื่องบินรบรุ่นอื่น ๆ ในรุ่นเดียวกัน และเป็นเครื่องบินรบรุ่นที่ ๔ หลังเพียงรุ่นเดียวที่ได้เข้าร่วมในภารกิจหลักทำสงครามในยูเครนด้วย
ในตอนแรกมีรายงานว่าเครื่องบินลำนี้เข้าร่วมในการโจมตีและต่อมาในภารกิจปราบปรามการป้องกันภัยทางอากาศ มีแนวโน้มว่าจะใช้ขีปนาวุธร่อน Kh-59MK2 และ Kh-31 แม้ว่าจะมีรายงานตั้งแต่เดือนตุลาคม๒๕๖๕ ว่าเครื่องบินลำดังกล่าวเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการต่อต้านอากาศยาน มีรายงานว่าเครื่องบินรบ Su-27 ของยูเครนและ Su-24 ถูกยิงตกโดย Su-57ที่ระยะสูงสุด ๒๑๗ กม. หลังจากทำการโจมตีในภูมิภาคเบลโกรอดของรัสเซีย รายงานนี้ได้รับการสนับสนุนจากรายงานฉบับต่อมาในเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยกระทรวงกลาโหมของอังกฤษว่า Su-57s กำลัง “ปล่อยขีปนาวุธพิสัยไกลจากอากาศสู่ผิวน้ำหรืออากาศสู่อากาศสู่ยูเครน” ซึ่งถือเป็นการยืนยันครั้งแรกจากชาติตะวันตกว่าเป็นเครื่องบินรบดังกล่าว
จากระยะการเผชิญหน้าระยะไกล อาจบอกใบ้ถึงขีปนาวุธพิสัยไกลมาก โดย R-37M เป็นชนิดเดียวที่มีระยะยิงมากพอที่จะสังหารเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปกว่า ๒๐๐ กม.