จุดเดือดที่กำลังเป็นที่จับตาของสื่ออย่างมากคือเมืองบัคมุตที่สื่อตะวันตกเริ่มกลับมาโหมข่าวยูเครนจะระดมกำลังและอาวุธมาสู้กลับเพื่อยึดคืนอย่างคึกคัก แต่หากเข้าไปชมในเทเลแกรมของทั้งฝั่งยูเครนเอง และของวาร์กเนอร์หรือเทเลแกรมหลักของนายพลรัสเซียจะพบภาพความเสียหายยับเยินของกำลังพลยูเครนและยานเกราะยูเครนตามรายทางชัดเจนมาก
ขณะที่ทางทิศเหนือของเมืองบัคมุต หน่วยจู่โจมของ Wagner PMC เปิดเผยว่าได้ปลดปล่อย เมืองโอเรโควอฟ-วาซิลเยฟกา(Orekhovov-Vasilyevka) จากกองทัพยูเครนและรุกคืบไปถึงชานเมืองซาลิซยันสกี (Zaliznyansky)ซึ่งอยู่ห่างจากบัคมุตกว่า๙๐๐ เมตรเตรียมปิดปากถุง ในขณะที่การต่อสู้ในจุดอื่นๆยังคงดุเดือดเพราะเคียฟส่งกำลังมาเพิ่มเพื่อยื้อถึงที่สุด
สถานการณ์ทางใต้ของบัคมุต กลุ่มนักรบ Wagner รุกคืบในเขตบูดินีฟกทา (Budenivka) และเข้าควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของสุสานมาริอูปอลสกา (Mariupolska)
รายงานจากฝ่ายยูเครนยังระบุว่า ในทิศทางแอฟเดียฟกา (Avdiivka) กองทัพรัสเซียสามารถเข้ามาตั้งหลักในเมืองคราสโนโฮริฟกา (Krasnohorivka) ได้แล้ว รวมถึงในทิศทางของเมืองคัมยันกา (Kamyanka) ที่เริ่มมีการต่อสู้เกิดขึ้นอย่างหนัก รวมทั้งเมืองคริเมนเนยา ขณะที่สภาพแวดล้อมเริ่มฤดูใบไม้ผลิ ที่หิมะเริ่มละลายที่ชายแดนลูฮานส์ เริ่มมีสภาพเป็นโคลนคาดว่าอีกหลายพื้นที่จะเป็นเหมือนกัน แบบนี้คือสภาพที่ทั้งรถถังเลพเพิร์ตและชาเลนเจอร์ของอังกฤษจะต้องเจอ
ขณะที่จะต้องเจอกัคบ T-90M Proryv-3 รออยู่เพราะกองทัพรัสเซีย กำลังจัดส่งไปที่แนวหน้าจำนวนมากกว่าที่เคย
วันที่ ๑๓ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และมิลิทารี่รีวิวรายงานว่า เยฟเกนี ปริโกชินผู้นำกลุ่มวาร์กเนอร์กล่าวว่า “ชาวยูเครนยังคงส่งกำลังสำรองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด” “สถานการณ์ในบัคมุตนั้นยาก ลำบากมาก เมื่อข้าศึกต่อสู้กันในระยะเมตร และยิ่งเราเข้าใกล้ใจกลางเมืองมากเท่าไร การสู้รบก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ปืนใหญ่และรถถังถูกใช้โจมตีเรามากขึ้น ชาวยูเครนยังคงส่งกำลังสำรองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่เรากำลังก้าวไปข้างหน้าและจะเดินหน้าต่อไป และเราจะไม่ปกปิดความรุ่งโรจน์ของอาวุธรัสเซียด้วยความเหนียมอายแน่นอน”
ในขณะที่ฤดูโคลนในฤดูใบไม้ผลิเริ่มแพร่ขยาย ได้สร้างความยุ่งยากให้กับการขนส่งการจัดหากระสุนและบุคลากรใหม่ให้กับกองทัพยูเครนอย่างมาก ปริโกชินกล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า “กองกำลังรัสเซียอยู่ห่างจากศูนย์กลางการปกครองของเมืองประมาณ ๑.๒ กิโลเมตรเท่านั้น”
ด้านรัสเซียนฟอร์ซ พลโทอิกอร์ โคนาเชนคอฟ (Igor Konashenkov) โฆษกกระทรวงกลาโหมรายงานเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียยิงจรวด HIMARS และ Uragan จำนวน ๔ ลูก และยิงสกัดกั้นขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์ HARM อีก ๔ ลูก
ยานพาหนะทางอากาศไร้คนขับของยูเครน ๑๑ คันถูกทำลายในระหว่างวันในพื้นที่ของการตั้งถิ่นฐานของ Pershotravnevoye ของภูมิภาค Kharkov, Raygorodok, Oborotnovka, Ploschanka ของสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ (Lugansk), สตาโรทยอร์สกี(Staromayorske), เชฟเชนโก(Shevchenko) ของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ (Donetsk), และบาลอคคี (Balochki) ของภูมิภาคซาโปริชเชีย (Zaporozhye)
ในพื้นที่ที่ตั้งถิ่นฐานของเมืองคอนสแตนตินอฟกา(Konstantinovka) และปริวอลเย (Privolye) ของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์ เรดาร์แบบใช้แบตเตอรี่สำรองที่ผลิตโดย AN/TPQ-36 และ AN/TPQ-50 ของสหรัฐฯ ถูกทำลาย นอกจากนี้ยังถล่มหน่วยปืนใหญ่ ๗๕ หน่วยของกองกำลังติดอาวุธยูเครนในตำแหน่งการยิง รวมถึงกำลังคนและอุปกรณ์ในพื้นที่ ๑๑๔ เขต
ในทิศทางของคูเปียนสค์ (Kupyansk) การโจมตีทางอากาศและการยิงปืนใหญ่จากกลุ่มกองกำลังตะวันตก ได้โจมตีหน่วยของกองกำลังติดอาวุธยูเครนในพื้นที่ของการตั้งถิ่นฐานกริยานิคอฟกา (Gryanikovka) ในภูมิภาคคาร์คอฟ (Kharkov) และโรซอฟกา (Rozovka) ในสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ ทหารเคียฟดับจำนวน ๕๐ รายรวมทหารรับจ้าง ยานเกราะต่อสู้ ๕ คัน ยานเกราะ ๓ คัน และปืนครกวอสดิกา(Gvozdika) ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ๑ กระบอก
ในทิศทางยูสโน-โดเนตสค์ (Yuzhno-Donetsk) และซาโปริชเชีย (Zaporozhye) กลุ่มวอสต็อค (Vostok) ของกองกำลังรัสเซียได้ทำลายทหารยูเครนมากกว่า ๗๐ นายและปืนครก D-20 ในหนึ่งวัน
ในทิศทางของโดเนตสค์อันเป็นผลมาจากการปฏิบัติการอย่างแข็งขันของหน่วยและการยิงปืนใหญ่ของกลุ่มกองกำลังทางใต้ในพื้นที่ของการตั้งถิ่นฐานของ Zaliznyanskoe, Krasnoye และ Tonenkoye ของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสค์, ทหารยูเครนมากกว่า ๑๔๐ นาย, ยานเกราะสองคน ยานรบ รถกระบะสี่คัน รถยนต์สามคัน และดี-๓๐ ฮาววิตเซอร์ (D-30howitzers) สองลำถูกทำลายในช่วงเวลา ๒๔ ชั่วโมง
ในทิศทางของเคอร์ซอน ทหารยูเครนกว่า ๕๐ นาย ยานเกราะต่อสู้ ๓ คัน ยานเกราะ ๑๔ คัน รวมถึงคลังกระสุนของกองพลรักษาดินแดนที่ ๑๒๔ ของกองกำลังติดอาวุธยูเครนถูกทำลาย
โดยรวมเฉพาะวันเสาร์ กองกำลังรัสเซียดับทหารเคียฟและทหารรับจ้างกว่า ๓๑๐ นาย พร้อมทำลายยานเกราะและปืนครกที่เป็นเครื่องมือต่อสู้ในแนวรบภาคพื้นดินเพิ่มอีกจำนวนมาก สภาพการณ์เช่นนี้หมายถึงว่ารัสเซียไม่รอให้อังกฤษ-เยอรมนี-ฝรั่งเศสฝึกทหารยูเครนเพื่อใช้รถถังตัวเองได้ เดินหน้ารบดุเดือด เท่ากับกดดันให้ได้เห็นทหารนาโต้มากขึ้นในสนามรบยิ่งทำให้รัสเซียชอบธรรมที่จะตอบโต้อย่างเด็ดขาด จับตาโปแลนด์ผู้เอาการเอางานที่กำลังเผชิญการประท้วงต่อต้านจากประชาชนของตัวเองไม่ต้องการสงคราม!!??