กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สภาดูมาแห่งรัสเซียได้ผลักดันให้มีการตรวจสอบ การดำเนินการโครงการด้านชีววิทยาของสหรัฐ จากข้อมูลเชิงประจักษ์ที่รวบรวมสะท้อนว่าวอชิงตันจัดการและดูแลการดำเนินงานของห้องปฏิบัติการทางชีวภาพแบบใช้สองทางประมาณ ๔๐๐ แห่งในดินแดนของรัฐต่างประเทศ
สภาแห่งสหพันธรัฐรัสเซียเรียกร้องให้รัฐสภาของประเทศต่าง ๆ ในโลกที่มีห้องปฏิบัติการทางชีวภาพที่ควบคุมโดยสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ และดำเนินการเพื่อดำเนินการประเมินทางกฎหมายและการเมืองตามข้อตกลงทั้งหมดที่บริการสุขภาพแห่งชาติทำ ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ข้อตกลงเหล่านี้มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติโดยเจตนา และมีเป้าหมายเพื่อปกปิดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการวิจัยที่กำลังดำเนินอยู่จากประชาชน
ระบอบการปกครองที่บังคับใช้อย่างเข้มงวดในการจำกัดหรือแม้แต่ห้ามการเข้าถึงห้องปฏิบัติการทางชีววิทยา และการทำงานที่ดำเนินการในห้องปฏิบัติการเหล่านั้น แม้กระทั่งสำหรับบริการด้านความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหลักฐานเพียงพอสำหรับเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับผู้เชี่ยวชาญทางการทหารของสหรัฐฯ ข้อตกลงดังกล่าวยังให้การยกเว้นจากความรับผิดต่อผลกระทบด้านลบใดๆ จากกิจกรรมของพวกเขาในห้องปฏิบัติการทางชีววิทยาเหล่านี้ต่อประชาชน เรียกว่าเกิดปัญหาก็ไม่ต้องรับผิดชอบอย่างลอยนวล ที่สำคัญความพยายามเตือนภัยเรื่องนี้และเรียกร้องให้สหประชาชาติตรวจสอบ ไม่ได้รับความสนใจจากยูเอ็นอย่างที่ควรเป็น
วันที่ ๑๒ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์ รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้เปิดเผยรายชื่อชาวยูเครนที่เกี่ยวข้องกับโครงการชีวภาพทางทหารของสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ ได้ประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมงานและองค์กรบางแห่งในโครงการชีวภาพทางทหารของสหรัฐฯ ส่งผลให้ หลายประเทศเริ่มกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมทางชีวภาพของกองทัพสหรัฐฯในประเทศของตนมากขึ้น
พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ หัวหน้ากองกำลังป้องกันรังสี เคมี และชีวภาพของรัสเซีย (Chief of Russia’s Radiation, Chemical and Biological Protection Troops Lieutenant General Igor Kirillov)ประกาศรายชื่อชาวยูเครนที่เกี่ยวข้องกับโครงการชีวภาพทางทหารของสหรัฐฯ ในการบรรยายสรุปเมื่อวันศุกร์
คิริลลอฟกล่าวว่า “วันนี้เราเพิ่มตัวแทนของสถาบันของรัฐ และบริษัทเอกชนของยูเครนที่เกี่ยวข้องกับโครงการทางทหารและชีวภาพของสหรัฐฯ ในรายชื่อนี้”
เขาชี้ให้เห็นว่าก่อนหน้านี้กระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ประกาศรายชื่อผู้เข้าร่วมบางส่วนในโครงการชีวภาพทางทหารของสหรัฐฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐฯ และผู้รับเหมาของเพนตากอน
หนึ่งในนั้นคือเซอร์เก มอร์กุน (Sergey Morgun) หัวหน้าแผนกสุขอนามัยและระบาดวิทยาของกองทัพยูเครน และเป็นหนึ่งในผู้จัดงานปฏิสัมพันธ์ระหว่างกระทรวงกลาโหมยูเครนและสำนักงานลดภัยคุกคามกลาโหมสหรัฐฯ (DTRA) เขาเป็นหนึ่งในผู้นำของโครงการ UP-8 ที่กำกับดูแลการวิจัยไวรัสฮันตา
คิริลลอฟกล่าวถึงวลาดิมีร์ คูร์ปิตา หัวหน้าศูนย์สาธารณสุข ซึ่งจัดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญยูเครนและ DTRA ได้จัดการเก็บตัวอย่างทางชีวภาพจากพลเมืองยูเครนและการย้ายตัวไปต่างประเทศ เขายังตั้งข้อสังเกตด้วยว่าไอรินา เดมชิชินา (Irina Demchishina) หัวหน้าห้องปฏิบัติการอ้างอิงที่ศูนย์สาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุขยูเครน ได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการโต้ตอบกับผู้รับเหมาของเพนตากอน แบล็คแอนด์วีแอช(Pentagon Black & Veatch) และเมตาไบโอตา (Metabiota) และดูแลการดำเนินโครงการ DTRA ของซีรีส์ UP และ TAP
หัวหน้ากองกำลังป้องกันรังสี สารเคมี และชีวภาพของรัสเซียเน้นย้ำว่า “โดยรวมแล้ว กระทรวงกลาโหมรัสเซียมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมมากกว่าร้อยคนในโครงการทางชีวภาพแบบใช้สองทาง ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนของสหพันธรัฐรัสเซียกำลังตรวจสอบพลเมืองสหรัฐมากกว่าสิบคน รวมถึงเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่งของ กระทรวงกลาโหมยูเครน สำหรับการมีส่วนร่วมในโครงการดังกล่าว”
เขากล่าวว่า “การที่สหพันธรัฐรัสเซียเปิดเผยกิจกรรมทางทหารและกิจกรรมทางชีวภาพของสหรัฐฯ นอกอาณาเขตของตน ทำให้ประเทศต่างๆ จำนวนมากขึ้น สงสัยเกี่ยวกับเหตุผลที่แท้จริงสำหรับการมีศูนย์วิจัยของสหรัฐฯในดินแดนของตนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
คิริลลอฟตั้งข้อสังเกตว่าในย่านเอเชีย เมื่อเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา กลุ่มฝ่ายค้าน มาคาบายัน(Makabayan) ของฟิลิปปินส์ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสของประเทศตรวจสอบกิจกรรมของเพนตากอนที่ห้องปฏิบัติการวินิจฉัยโรคสัตว์ระดับภูมิภาคในเมืองตาร์ลัก “คำอุทธรณ์ของสมาชิกรัฐสภาชี้ให้เห็นว่าสำนักงานลดภัยคุกคามด้านกลาโหมสหรัฐฯ (DTRA) มีวัตถุประสงค์ทางทหารอย่างเปิดเผยและแอบแฝงในฟิลิปปินส์ ซึ่งอาจไม่ตรงกับผลประโยชน์ของมะนิลา ในการอุทธรณ์ สมาชิกรัฐสภาเรียกร้องให้กองทัพสหรัฐฯ เริ่มตรวจสอบ งานของกระทรวงยุติธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานป้องกันประเทศ”
เขากล่าวเสริมว่า “ก่อนหน้านี้ อินโดนีเซียระบุว่าไม่แนะนำให้ตั้งห้องปฏิบัติการทางชีวภาพของกองทัพสหรัฐฯ แนมรูทู(NAMRU-2) ในดินแดนของตน” “ทางการอินโดนีเซียเรียกร้องให้ยุติกิจกรรมโดยสิ้นเชิงในปี ๒๕๕๓ หลังจากนั้นกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ถูกบังคับให้ย้ายโครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จทั้งหมดไปยังดินแดนของกัมพูชาแต่ทางกัมพูชาปฏิเสธ”
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เก ลาฟรอฟ เรียกร้องให้นานาชาติให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดที่สุดต่อกิจกรรมทางชีวภาพทางทหารของเพนตากอนทั่วโลก เขากล่าวว่า “มีหลักฐานทวีคูณของการทดลองทางอาญาของเพนตากอน กับเชื้อโรคที่อันตรายที่สุดเพื่อสร้างอาวุธร้ายแรงที่ดำเนินการภายใต้หน้ากากของการวิจัยอย่างสันติ”
ลาฟรอฟเปิดเผยความคืบหน้าว่าได้นำเสนอเอกสารดังกล่าวต่อวอชิงตันและต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามขั้นตอนเริ่มต้นภายใต้สนธิสัญญา BTWC เพื่อขอคำอธิบายและยังไม่มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม