ท่ามกลางสงครามข่าวสารที่เมกาและบริวารเร่งโหมกระแสปั้นแต่งสารพัดเกี่ยวกับความขัดแย้งในภูมิภาคต่างๆ ให้เป็นไปตามมุมมองและวาระวอชิงตัน ข่าวสารความขัดแย้งในตะวันออกกลางก็บิดเบี้ยวไปตามมุมมองตะวันตก ยากจะได้รับข้อมูลที่ครบด้านทั้งในในเชิงประจักษ์ และข้อเท็จจริงเบื้องหลังเหตุการณ์ต่างๆมาโดยตลอด อิหร่านกลายเป็นศัตรูหลายเลข ๓ ที่สหรัฐฯเปิดเผยท่าทีว่าจะไม่ยอมผ่อนปรนอย่างชัดเจน สมัยไบเดนนี่ชัดมากยิ่งกว่าสมัยอดีตปธน.ทรัมป์เสียอีก
ข่าวตะวันตกที่ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียกลับไปฝักใฝ่ใกล้ชิดทั้งอิสราเอลและสหรัฐฯ ทำให้มุสลิมข้องใจในความจริงใจของผู้นำซาอุดีอาระเบียต่อโลกหลายขั้วที่มีรัสเซีย-จีน-อิหร่านอยู่ร่วมในขบวนแถว แต่ล่าสุดเกิดเรื่องสวนทางที่เมกาและพวกอาจไม่คาดคิดคือ ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านประกาศร่วมกัน ตกลงฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต ให้กลับคืนสู่ระดับปกติ โดยมีจีนทำหน้าที่เป็นคนกลาง เรื่องนี้ก่อความขุ่นเคืองต่อสหรัฐฯเป็นอย่างยิ่ง
วันที่ ๑๑ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวโกลบัลไทมส์และทาสนิมนิวส์รายงานว่าซาอุดีอาระเบียและอิหร่านพร้อมใจกันแถลงการณ์ร่วม ระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศ ยืนยันการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระดับทวิภาคี ให้กลับคืนสู่ความเป็นปกติ โดยทั้งสองประเทศจะแต่งตั้งเอกอัครราชทูตไปประจำการยังอีกประเทศหนึ่ง ภายในระยะเวลาไม่เกิน ๒ เดือนนับจากนี้
ขณะเดียวกัน สื่อของซาอุดีอาระเบียและอิหร่านรายงานตรงกัน ว่ารัฐบาลของทั้งสองประเทศเห็นพ้อง การเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของอีกฝ่าย และการไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน
การรายงานดังกล่าวเกิดขึ้น ๔ วัน หลัง “การประชุมลับ” ที่กรุงปักกิ่ง ระหว่างนายอาลี ชัมคานี เลขาธิการสภาความมั่นคงสูงสุดแห่งชาติของอิหร่าน กับนายมูซาอัด บิน โมฮัมเหม็ด อัล-ไอบัน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย โดยมีหวัง อี้ ประธานคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ทำหน้าที่เป็นผู้ไกล่เกลี่ย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสามประเทศลงนามร่วมกันในข้อตกลง ที่เนื้อหาสำคัญนอกเหนือจากการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูต คือ การรื้อฟื้นสนธิสัญญาความร่วมมือด้านความมั่นคง ฉบับปี ๒๕๔๔ ตลอดจนข้อตกลงความร่วมมือทางการค้า เศรษฐกิจ และการลงทุน ที่เคยมีการระงับทั้งหมด
ด้านหวัง อี้กล่าวว่า “การฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับซาอุดีอาระเบียคือชัยชนะของการเจรจาและสันติภาพ” จีนมีความยินดีกับทั้งสองประเทศอย่างจริงใจ “ที่ตัดสินใจอย่างชาญฉลาด” รัฐบาลปักกิ่งให้ความสนับสนุนอิหร่านและซาอุดีอาระเบียอย่างเต็มที่ และจะร่วมแสดงบทบาทอย่างสร้างสรรค์บนเวทีโลกต่อไป
ขณะที่นายจอห์น เคอร์บีย์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ กล่าวว่า แม้รัฐบาลวอชิงตันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาครั้งนี้ แต่ยืนยันว่า รัฐบาลริยาดคอยรายงานความคืบหน้าเป็นระยะ และสหรัฐสนับสนุนการยุติสงครามกลางเมืองในเยเมน ด้วยกระบวนการอย่างสันติ กลัวเสียหน้าอดแทรกไม่ได้
ซาอุดีอาระเบียและอิหร่านยุติความสัมพันธ์ทางการทูต เมื่อปี ๒๕๕๙ จากกรณีรัฐบาลริยาดประหารชีวิต “ชีค นิมร์ อัล-นิมร์” นักการศาสนาชาวชีอะห์โทษฐานอยู่เบื้องหลังการประท้วงต่อต้านรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย ที่ต่อจากนั้น บานปลายเป็นการบุกเผาทำลายสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำกรุงเตหะราน
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน อาลี ชัมคานี และที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย มูซาอิด อัล ไอบัน เข้าร่วมในการเจรจาอย่างเข้มข้นในกรุงปักกิ่ง ตั้งแต่วันที่ ๖-๑๐ มีนาคมที่ผ่านมา
ในแถลงการณ์ร่วม สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียแสดงความขอบคุณต่ออิรักและโอมานสำหรับการเป็นเจ้าภาพการเจรจาในปี ๒๕๖๔ และ ๒๕๖๕ และต่อสาธารณรัฐประชาชนจีนสำหรับการเป็นเจ้าภาพการเจรจารอบล่าสุด
ถ้อยแถลงระบุเพิ่มเติมว่า “จากการเจรจาที่เกิดขึ้น สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียได้ตกลงที่จะกลับมาสานสัมพันธ์ทางการทูตและเปิดสถานทูตและคณะผู้แทน (ทางการทูต) อีกครั้งภายในเวลาไม่เกินสองเดือน”
รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน ฮุสเซน อมิราบดอลลาเฮียน (Hossein Amirabdollahian) กล่าวว่า “การปรองดองระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบียจะทำให้ประเทศในภูมิภาคและประเทศมุสลิมมีศักยภาพมหาศาล”
เขาย้ำว่า “การกลับสู่ภาวะปกติของความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและซาอุดีอาระเบียจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับทั้งสองประเทศ ภูมิภาคและโลกอิสลาม คณะบริหารของประธานาธิบดีอิหร่าน อิบราฮิม ไรซี (Ebrahim Raisi) ให้ความสำคัญกับความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีเป็นประเด็นสำคัญในนโยบายต่างประเทศ และยึดมั่นในแนวทางที่ถูกต้องอย่างจริงจัง”
อาลี ชัมคานี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่าการยุติข้อตกลงจะมีส่วนช่วยอย่างมากต่อความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาค เขายกย่องการเจรจาที่โปร่งใสและสร้างสรรค์ระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบียซึ่งส่งผลให้เกิดการสร้างสายสัมพันธ์หลังจากเจ็ดปีที่ห่างเหิน
มูซาด บิน โมฮัมเหม็ด อัล-อาลีบัน รัฐมนตรีต่างประเทศ สมาชิกสภารัฐมนตรี และที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย (Musaad bin Mohammed Al-Aliban) ได้กล่าวถึงการทูตของประเทศหลัก ๆ ของจีนอย่างชื่นชม และแสดงความขอบคุณจีนสำหรับการเป็นเจ้าภาพและส่งเสริมการประชุม และกล่าวว่าพวกเขายินดีที่จะปฏิบัติตามฉันทามติที่ได้รับในที่ประชุมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของเพื่อนบ้านและร่วมกันปกป้องภูมิภาค ความมั่นคง
นักวิเคราะห์กล่าวเตือนถึงการแทรกแซงที่อาจเกิดขึ้นจากบางประเทศ และเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคดำเนินการเจรจาต่อไปเพื่อจัดการกับข้อพิพาทในภูมิภาค ไม่เดินตามการยั่วยุให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงในระหว่างเพื่อนบ้านและภูมิภาค!!