เมกาสะท้าน!! รัสเซียใช้TOS-1A ระบบเครื่องพ่นไฟขนาดใหญ่ อาวุธเทอร์โมบาริกแรงจัด ใช้ปราบเคียฟ-นาโต้

0

ข่าวที่อเมริกาเป็นผู้เผยแพร่เองว่า คลังแสงนิวเคลียร์ของรัสเซียทรงพลังที่สุดในโลก เป็นรายงานประจำปีของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ระบุว่า “รัสเซียยังคงคลังเก็บอาวุธนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดและทรงอานุภาพที่สุด และยังคงขยายและปรับปรุงขีดความสามารถด้านอาวุธนิวเคลียร์ของตนให้ทันสมัย”

รัสเซียกำลังปรับปรุงขีปนาวุธนิวเคลียร์พิสัยไกล และพัฒนาระบบที่ไม่ใช่ด้านยุทธศาสตร์ในวงกว้างให้หลากหลาย และทันสมัยซึ่งสามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์และแบบทั่วไปได้

รายงานยังระบุว่า: “มอสโกว์เชื่อว่าระบบเหล่านี้ทำให้รัสเซียมีความสามารถในการยับยั้ง ควบคุมการทวีความรุนแรงของความเป็นปรปักษ์ที่เป็นไปได้ และสามารถตอบโต้กองกำลังสหรัฐฯ และพันธมิตรทั้งหมดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเผยแพร่เช่นนี้อาจเพื่อสร้างความชอบธรรมที่ฝ่ายตะวันตกจำเป็นต้องตอบโต้อย่างถึงที่สุดในขณะเดียวกัน ก็ทำงานโฆษณาชวนเชื่ออย่างหนักสร้างสรรค์ปั้นแต่งให้รัสเซียดูร้ายกาจที่ต้องถูกรุมทึ้งทำลาย

วันที่ ๙ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวมิลิทารี่รีวิว รายงานว่า พันธมิตรตะวันตกผู้สนับสนุนหลักของเคียฟกำลังมองหาเหตุผลมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อกล่าวหารัสเซียว่าละเมิดกฎมนุษยธรรมระหว่างประเทศ สำหรับการปฏิบัติการทางทหารระหว่างปฏิบัติการพิเศษในยูเครน แต่ตะวันตกเมินการกระทำของผู้ก่อการร้ายอย่างตรงไปตรงมาของกองทัพยูเครนต่อพลเรือนของรัสเซียอย่างเลือดเย็น

ครั้งนี้เดวิด แฮมบลิงก์ (David Hambling) นักข่าวชาวอังกฤษเขียนลงในนิตยสาร Forbes ว่าการใช้ระบบพ่นไฟหนัก ที่รู้จักกันว่า TOS-1 Pinocchio และ TOS-1A Solntsepek โดยกองทัพรัสเซียในความขัดแย้งของยูเครน เป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ผู้เขียนเชื่อว่ากระสุนปืนเทอร์โมบาริกของระบบเหล่านี้มีพลังทำลายล้างสูงและไม่ใช่อาวุธที่เลือกปฏิบัติ ก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงต่อพลเรือน

นักข่าวอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับหลักการทำงานของหัวรบเทอร์โมบาริก โดยเน้นเป็นพิเศษที่คลื่นระเบิดอันทรงพลังที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาของการระเบิดของกระสุนและแพร่กระจายในระยะทางไกลด้วยความเร็วเหนือเสียง แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะติดตามมันเนื่องจากการลดทอนอย่างรวดเร็วและไม่มีการแพร่กระจายที่มองเห็นได้ในชั้นบรรยากาศ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเนื่องจากความดันลดลงอย่างมากในขณะนี้ เมฆคอนเดนเสทจึงก่อตัวขึ้นในอากาศ คล้ายกับที่สังเกตได้ระหว่างการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์

ผู้เขียนเชื่อว่า กลุ่มเมฆคอนเดนเสทที่เรียกว่า “เมฆวิลสัน” ซึ่งรวมถึงการใช้การบันทึกวิดีโอ ข้อเท็จจริงของการใช้อาวุธเทอร์โมบาริก โดยกองทัพรัสเซีย ต่อจากนั้น ประจักษ์พยานเหล่านี้สามารถใช้เป็นหลักฐานของการใช้อาวุธของรัสเซีย รวมทั้งกับประชาชนพลเรือน ด้วยอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างเทียบเท่ากับอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น นักข่าวพยายามเสนอในมุมว่ารัสเซียตั้งใยทำลายชีวิตพลเรือนทั้งๆที่การใช้นี้มุ่งเป้ากองทัพโหดของเคียฟเท่านั้น

แฮมบลิงกล่าวว่า “อาวุธประเภทนี้เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อพลเรือน และอาวุธเทอร์โมบาริกได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงการทำลายตามอำเภอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเมือง”

เขาอ้างอิงความเห็นของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอเมริกันแห่งเซนต์หลุยส์ ซึ่งเชื่อว่านอกจากการเสียชีวิตในทันทีแล้ว การยิงขีปนาวุธ TOS-1 เพียงครั้งเดียวในเขตเมืองยังมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่การบาดเจ็บที่สมองมากกว่า ๓๐๐ ราย บางอย่างมีผลระยะยาว

ผู้เขียนพยายามกล่าวหารัสเซียว่าไม่เพียงแต่ใช้เทอร์โมบาริกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มอาวุธยุทโธปกรณ์ เช่นเดียวกับทุ่นระเบิดสังหารบุคคล แต่ไม่พูดถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร และอาวุธหนักตลอดจนอาวุธน่าสงสัยว่าจะเป็นอาวุธต้องห้ามที่ทหารรัสเซีย ชาวบ้านได้รับจากการใช้ยิงเข้าสู่ที่พำนักของพลเรือนในเขตภูมิภาคที่เข้าร่วมรัสเซีย

หลังจากการสรุปดังกล่าว อย่างน้อยที่สุดใคร ๆ ก็สามารถสงสัยในความรู้ของนักข่าวชาวอังกฤษ ซึ่งปรากฎว่าไม่รู้ว่ากลุ่มยุทโธปกรณ์และทุ่นระเบิดสังหารบุคคลซึ่งห้ามโดยอนุสัญญาระหว่างประเทศนั้นถูกใช้อย่างหนาแน่นโดยกลุ่มสุดโต่งยูเครน และโดยเฉพาะกับพลเรือน ประชากร และรัสเซียมีหลักฐานมากมายว่าระบอบการปกครองของเคียฟละเมิดบรรทัดฐานที่เป็นไปได้ทั้งหมดของกฎหมายมนุษยธรรมในรัสเซียและภูมิภาคใหม่ มากกว่าข้อสันนิษฐานของผู้เชี่ยวชาญตะวันตกที่เรียกว่าเกี่ยวกับผลที่ตามมาของการใช้อาวุธเทอร์โมบาริกโดยกองทัพ RF เป็นภาพสะท้อนความหวั่นไหวต่ออาวุธหนักของรัสเซียอย่างชัดเจน

ข้อเท็จจริงที่ว่าระบบการตั้งชื่อของรัสเซียอธิบาย TOS-1A — ซึ่งเป็นชื่อเล่นของกองทหารว่า ‘Buratino’ ตามชื่อเรียกของพินอคคิโอของรัสเซีย — ในฐานะเครื่องพ่นไฟได้นำไปสู่คำอธิบายของอาวุธที่สร้าง “กำแพงเพลิงเ” และ “การทำให้ร่างกายมนุษย์ถูกทำลายกลายเป็นไอ” ” อันที่จริงแล้ว อาวุธนี้แทบไม่มีอะไรเหมือนกันกับเครื่องพ่นไฟแบบดั้งเดิมเลย แต่เป็นอาวุธเทอร์โมบาริกหรือระเบิดเชื้อเพลิงในอากาศ (FAE) ในระดับเดียวกับอาวุธบางอย่างของสหรัฐฯ เช่น ขีปนาวุธAGM-114N Hellfireที่มีหัวรบ ‘เสริม’ แบบพิเศษ หรือBLU-118/Bที่ ถูกนำมาใช้กับถ้ำที่ซับซ้อนในอัฟกานิสถาน ในสงครามอ่าว โดยพื้นฐานแล้ว อาวุธประเภทนี้ใช้ออกซิเจนจากอากาศโดยรอบเพื่อสร้างการระเบิดที่อุณหภูมิสูงและคลื่นการระเบิดที่ทรงพลังกว่ามากในระยะเวลาที่นานกว่าระเบิดควบแน่นทั่วไป

นายนักข่าวอังกฤษคนนี้อาจไม่รู้ หรือรู้แต่ทำเป็นมึนว่า อาวุธแบบนี้เมกาและพวกใช้มาก่อนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ส่งให้เคียฟใช้แค่นั้น และแน่นอนสำหรับรัสเซียเมื่อเรียนผูกย่อมมีหนทางแก้ หากเมกา-นาโต้ส่งอาวุธชนิดเดียวกับ TOS-1 มารัสเซียย่อมรู้วิธีรับมืออยู่แล้ว!!??