จากที่วันนี้ 08 มีนาคม 2566 เหตุการณ์ในยูเครน ยังคงถูกทั่วโลกเฝ้าติดตามถึงการสู้รบกับกองทัพรัสเซีย ที่มีรายงานระบุถึงความคืบหน้าในการบุกยึดพื้นที่ โดยมีการใช้ยุทธวิธีที่น่าสนใจจากทั้งสองฝ่าย
ทั้งนี้โดยความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจก็คือ Blockdit World Update ซึ่งได้รายงานเบื้องหน้าเบื้องหลังสมรภูมิเมืองบัคมุตเอาไว้หลายข้อความ ซึ่งที่น่าสนใจชวนติดตามมีบางส่วนเปิดเผยไว้ว่า
“ในสมรภูมิรบเมืองบัคมุท เขตโดเนตสค์ รัสเซียนั้น มีกองกำลังผสม 3 ฝ่าย คือ นักรบรับจ้าง Azov หัวรุนแรง , ทหารเกณฑ์ยูเครน และทหารรับจ้างต่างชาติ ที่เคยมีสัดส่วนถึง 50% จากทั้งหมด
จึงคาดว่าในเมืองนี้ฝ่ายกองกำลังผสมทยอยส่งทหารเข้ามาตลอด 1 ปี สะสมราว 80,000 นาย ในจำนวนนี้เป็นปุ๋ยราว 30,000 นาย ถอนกำลังสลับออกไป 20,000 นาย คงเหลือในเมืองตอนนี้ไม่เกิน 30,000 นาย
ในพื้นที่เขตโดเนตสค์ รัสเซีย นักรบ Wagner ราว 40,000 นาย เป็นหัวหมู่ทะลวงฟันแถวแรก ส่วนแถวที่สองจะเป็นนักรบท้องถิ่นอดีตชาวยูเครน แถวที่สามหรือพื้นที่ยากจะใช้นาวิกโยธิน และพลร่มเจาะทำลายเป็นแห่งๆไป
ทางการยูเครน ระบุว่ากองทัพรัสเซียใช้ระเบิดร่อนขนาดยักษ์ UPAB-1500V น้ำหนัก 1,500 กก. โจมตีเป็นระยะต่อโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน ล่าสุดกองกำลังทหารแคว้นเชอร์นิฮิฟ ตกเป็นเป้าหมายของการใช้อาวุธมหาประลัยนี้
กองทัพรัสเซีย ก็รู้ล่วงหน้าอีกว่า ทหารแตกทัพสะเปะสะปะไปหมดที่พอจะเหลือรอดเหล่านี้ ต้องเดินเท้ามุ่งหน้าสู่เมืองคอนแสตนตินอฟกา และหมู่บ้านชาชิฟยา เพราะไม่มีที่หมายอื่นอีกแล้ว รายทางเดินเท้าบริเวณเหล่านี้จึงมีสไนเปอร์รัสเซีย ชุมยิ่งกว่ายุง
การแตกทัพและพ่ายแพ้ที่เมืองบัคมุทนี้ ฝ่ายรัสเซียคงจะใช้เวลาอีกระยะสั้นๆ ในการเคลียร์ทหารฝ่ายกองกำลังผสมทุกนายที่ไม่ยอมจำนนให้เป็นกองภูเขาปุ๋ยปริมาณที่ยากจะนับหมดสิ้น เพราะกระจัดกระจายเกลื่อนบริเวณกว้าง
การสูญเสียกำลังทหารจำนวนมากหลายหมื่นนายในสมรภูมิพ่ายแพ้ครั้งนี้ จะอ่อนแอจนบั่นทอนความสามารถของกองกำลังผสมในการเปิดฉากการโจมตีหลังสิ้นฤดูหนาว ที่พื้นดินแข็งขึ้นโดยใช้อาวุธใหม่ที่สหรัฐฯ และ NATO จะส่งมาให้
สื่อ Bild เยอรมนี รายงานว่าความพ่ายแพ้แตกทัพ และสูญเสียกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์ไปไม่น้อยกว่า 20 กองพลน้อย รวมทั้งหน่วยที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดจากสหรัฐ อังกฤษ
สื่อ Parlamentní listy รายงานว่านายพล Andor Šándor อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองทหารสาธารณรัฐเช็ก ยอมรับว่า ยุทธวิธีการรบของรัสเซียด้วยการโจมตีด้วยปืนใหญ่ปูพรมทุกวันในปริมาณมาก
ยิงแล้วเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ ทำให้กองกำลังผสมเป็นอันตรายถึงชีวิตสูญเสียมากที่สุด อาวุธยุทโธปกรณ์ที่จัดหาโดย NATO น้อยกว่ากองทัพรัสเซียหลายเท่า และยังส่งล่าช้าไม่ทันสถานการณ์
ยูเครนล้มเหลวสูญเสียโอกาสที่จะได้ดินแดนทั้งหมดที่เสียไปกลับคืนมา อย่าคิดแม้แต่จะบุกไครเมีย แค่จะรักษาดินแดนยูเครนส่วนที่เหลือไว้ยังแทบเป็นไปไม่ได้”