จากรายงานถึงสถานการณ์ของการสู้รบในยูเครน ที่ต้องอาศัยอาวุธจากชาติยุโรป เข้าสนับสนุน ซึ่งมีข้อมูลเผยแพร่ออกมาว่าหลายประเทศคลังแสงลดน้อยลง จนไม่สามารถจะส่งให้ยูเครนได้อีกแล้ว
ล่าสุดวันนี้ 07 มีนาคม 2566 Blockdit World Update ได้โพสต์เผยแพร่เนื้อหาที่สำคัญจากความเคลื่อนไหวของบุคคลในรัฐบาลยูเครนว่า
“สื่อ Financial Times รายงานว่า นาย Oleksiy Reznikov รัฐมนตรีกลาโหมยูเครน ส่งจดหมายถึง 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป ระบุว่ากองกำลังผสมขาดอาวุธ เนื่องจากอาวุธที่ NATO เคยส่งให้พังใกล้หมดแล้ว โดยเฉพาะปืนใหญ่มากกว่า 300 ระบบไม่เหลือสภาพใช้งานโดยมีการยิงปืนใหญ่ 155 มม. จำนวน 110,000 นัด/เดือน (3,667 นัด/วัน)
เขาต้องการ 594,000 นัด/เดือน แต่ถ้าจะชนะรัสเซีย เขาอ้างว่าต้องการลูกปืนใหญ่ขั้นต่ำ 60% ของเต็มชุด หรือราว 356,400 นัด/เดือน (8,547 นัด/วัน)
เขาอ้างว่ารัสเซีย สามารถยิงได้ 440,000 นัด/เดือน หรือ 14,667 นัด/วัน บางวันรัสเซีย ยิงปืนใหญ่ได้ถึง 60,000 นัด ศักยภาพมากกว่ากองกำลังผสมชนิดฟ้ากับดิน
จึงขอให้ EU หยุดทำการค้าขายทุกอย่างแล้วไปหาซื้อลูกปืนใหญ่ส่งไปสนามรบในยูเครนจำนวน 250,000 ลูก/เดือน เพื่อบรรเทาวิกฤติที่กำลังพ่ายแพ้ต่อรัสเซียในสนามรบต่างๆ
แต่คำขอดังกล่าวเกินกว่าศักยภาพคลังสต็อคลูกปืนใหญ่ที่สหภาพยุโรปมีในขณะที่การทำสงครามกับรัสเซียเข้าสู่ปีที่ 2 เมื่อเดือนที่แล้ว เอสโตเนีย เสนอว่าให้สหภาพยุโรป ทุ่มเงินไปเลย 4,000 ล้านยูโร ซื้อกระสุน 1 ล้านนัดสำหรับทำสงครามสู้รบกับรัสเซีย
บางชาติให้ข้อมูลว่าทุกๆ วันกองทัพรัสเซีย จะยิงลูกปืนใหญ่ที่ผลิตได้เองได้มากเท่ากับที่ยุโรปจะผลิตได้ในหนึ่งเดือน จึงต้องการเงินทุนเยอะๆ อีกหลายพันล้านยูโร จากกองทุนทำสงคราม European Peace Facility (EPF) เพื่อซื้ออาวุธสหรัฐ
กลาโหมยูเครน ยังส่งจดหมายถึงนาย Josep Borrell หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป ขอเพิ่มการผลิตกระสุนของยุโรป เพื่อให้ยูเครนกู้ยืม รับจ้าง NATO ทำสงคราม”
ขณะที่เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 สื่อต่างประเทศรายงานถึง ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ได้สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ลดขั้นตอนของระบบราชการที่ยุ่งยากและล่าช้า เพื่อเร่งการผลิตอาวุธและทรัพยากรสนับสนุนปฏิบัติการพิเศษทางทหารในยูเครนให้ได้โดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามโดย ประธานาธิบดีปูติน ได้ตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เพื่อกำกับดูแลเรื่องการเร่งการผลิตอาวุธและทรัพยากรที่จำเป็นโดยเฉพาะ โดยนั่งเป็นประธานคณะกรรมการด้วยตัวเอง
