ยูเครนแตกทัพ หนีออกบัคมุทวุ่น! ติดหล่มโคลนเหนียว-ถูกรัสเซียยึดเส้นทางหลัก วางกับดับใช้ขีปนาวุธ AGTM ถล่ม
จากกรณีที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประกาศเสริมกำลัง แต่กองกำลังยูเครนซึ่งกำลังสู้รบที่เพื่อรักษาการควบคุมเมืองเหมืองเกลือแห่งนี้ ยอมรับกับเอเอฟพีว่า การที่เมืองแห่งนี้จะถูกยึดโดยรัสเซียเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และกำลังพลบางส่วนได้เริ่มล่าถอยออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ต่อมาเมื่อวานนี้ (6 มีนาคม 2566) Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงสถานการณ์ในยูเครน โดยบอกว่า ไม่ว่าฝ่ายกองกำลังผสม NATO หรือยูเครน จะออกข่าวโฆษณาชวนเชื่อว่าชนะหรือยันสู้ฝ่ายรัสเซียไหวอย่างไร แต่ยุคสื่อที่หลากหลายปัจจุบันนี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นได้
การถูกฝ่ายรัสเซียปิดล้อมในสมรภูมิเครื่องบดเนื้อเมืองบัคมุท และการที่ทหารไม่ฟังคำสั่งจากศูนย์บัญชาการกลางฯ และแตกทัพ ต่างคนต่างหนีออกจากเมืองแบบไร้ทิศทาง คือ หลักฐานความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่อีกครั้งของชาติตะวันตก สิ่งที่ปราบกองกำลังผสมของ NATO พ่ายแพ้ยับเยินในสมรภูมิเมืองบัคมุทนี้ นอกจากอาวุธที่เหนือกว่า และกองทหารรัสเซียทั้งทหารรับจ้าง Wagner , ทหารท้องถิ่นแล้วประวัติศาสตร์ได้ซ้ำรอยอีกครั้ง
รัสเซีย คือ นักรบฤดูหนาวมายาวนานหลายร้อยปีประวัติศาสตร์บันทึกว่าชาติตะวันตกพ่ายแพ้รัสเซียมาแล้วถึง 5 ครั้งในสงครามฤดูหนาว และนายพลที่ยิ่งใหญ่มาตลอดคือ “นายพลโคลน” หิมะที่ละลายลงดินสีดำในบริเวณภูมิภาคดอนบาส ทำให้เกิดปฏิกริยาชีวะเคมี เป็นทะเลโคลนที่เหนียวเหมือนกาวยึดเกาะทุกสิ่งทุกอย่าง โดยเฉพาะรถถัง ยานเกราะ ยานพาหนะของ NATO ไม่ได้ออกแบบมารองรับทะเลโคลนแบบนี้
วิธีการของรัสเซีย ก็ทำง่ายๆ คือ ยึดถนนเส้นหลักลาดยางที่ออกจากเมืองไว้ทุกถนน เหลือเหยื่อล่อเบ็ดเพียงถนนเส้นเดียว และตลอดรายทางเต็มไปด้วยขีปนาวุธ AGTM ต่อต้านยานเกราะ ไม่มียานพาหนะ และยานเกราะคันใดที่หนีออกมาจากเมืองบัคมุทแล้วรอดการถูกยิงทำลายทิ้งจากรัสเซีย นี่คือคันเบ็ดที่มีประสิทธิภาพอันดับโลก กับปลาใหญ่น้อยที่มาติดเบ็ด
เมื่อไม่สามารถออกโดยใช้ถนนลาดยางเส้นเดียวนี้ได้ ก็ต้องถูกบังคับให้ใช้ถนนเส้นทางรองวิ่งผ่านท้องทุ่งและป่าละเมาะ แต่สุดท้ายก็มาจบด้วย “นายพลโคลน” ยึดบรรดายานพาหนะเทพ และไม่เทพเหล่านั้นไว้โดยละม่อม และกลายเป็นเป้านิ่งให้โดรนสอดแนม ชี้เป้าปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้อง ขีปนาวุธต่อต้านยานเกราะ และเครื่องบินรบทิ้งระเบิดฝ่ายรัสเซียอย่างง่ายดาย จนต้องลงเดินเท้าฝ่าทะเลโคลนไปในที่สุด
กองทัพรัสเซีย ก็รู้ล่วงหน้าอีกว่า ทหารแตกทัพสะเปะสะปะไปหมดที่พอจะเหลือรอดเหล่านี้ ต้องเดินเท้ามุ่งหน้าสู่เมืองคอนแสตนตินอฟกา และหมู่บ้านชาชอฟยา เพราะไม่มีที่หมายอื่นอีกแล้ว รายทางเดินเท้าบริเวณเหล่านี้จึงมีสไนเปอร์รัสเซีย ชุมยิ่งกว่ายุง การแตกทัพและพ่ายแพ้ที่เมืองบัคมุทนี้ ฝ่ายรัสเซียคงจะใช้เวลาอีกระยะสั้นๆ ในการเคลียร์ทหารฝ่ายกองกำลังผสมทุกนายที่ไม่ยอมจำนนให้เป็นกองภูเขาปุ๋ยปริมาณที่ยากจะนับหมดสิ้น เพราะกระจัดกระจายเกลื่อนบริเวณกว้าง
การสูญเสียกำลังทหารจำนวนมากหลายหมื่นนายในสมรภูมิพ่ายแพ้ครั้งนี้ จะอ่อนแอจนบั่นทอนความสามารถของกองกำลังผสมในการเปิดฉากการโจมตีหลังสิ้นฤดูหนาว ที่พื้นดินแข็งขึ้นโดยใช้อาวุธใหม่ที่สหรัฐฯ และ NATO จะส่งมาให้
สื่อ Bild เยอรมนี รายงานว่าความพ่ายแพ้แตกทัพ และสูญเสียกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์ไปไม่น้อยกว่า 20 กองพลน้อย รวมทั้งหน่วยที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดจากสหรัฐ อังกฤษ ได้กลายเป็นสาเหตุของความบาดหมางไม่ลงรอยกัน ระหว่างประธานาธิบดีเซเลนสกี้ ผู้นำเครน และนายพล Valery Zaluzhny ผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพยูเครน เพราะก่อนหน้านี้เขาขอให้ยอมแพ้ และถอยออกจากเมืองบัคมุทก่อนจะย่อยยับแบบนี้
แต่ผู้นำยูเครน กลับยืนยันว่าจะยึดเมืองนี้ต่อไป โดยไม่สนว่าจะสูญเสียทหารอีกเท่าใด เพราะเมืองสำคัญกว่าชีวิตทหารเสมอ ทหารต้องสละชีพเพื่อพื้นที่เมือง ทำให้ทหารต่างชาติรีบถอนตัวหนีไปก่อน ส่วนทหารยูเครนหนีไม่ทันเพราะถูกสั่งให้พลีชีพรักษาเมืองจนกว่าจะสิ้นชีวิต ทำให้ทหารเกณฑ์ยูเครน ไม่เข้าใจว่าทำไมเมืองนี้จึงต้องถูกยึดไว้ เกิดคำถามที่ไม่มีคำตอบว่ากลยุทธ์ท่านผู้นำคืออะไร? ทำไมต้องอยู่ในเมืองที่รัสเซียปิดล้อมรอบหมดแล้ว
การแตกทัพหนีโดยฝ่าฝืนคำสั่งผู้นำยูเครนอีก ก็ช้าไปเสียแล้วทหารต้องออกจากเมืองและเจอกับนายพลโคลนที่แข็งแกร่ง ท่ามกลางถนนที่อยู่ภายใต้อำนาจการยิ่งของกองทัพรัสเซีย สื่อ Parlamentní listy รายงานว่านายพล Andor Šándor อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองทหารสาธารณรัฐเช็ก ยอมรับว่า ยุทธวิธีการรบของรัสเซียด้วยการโจมตีด้วยปืนใหญ่ปูพรมทุกวันในปริมาณมาก
ยิงแล้วเคลื่อนย้ายไปเรื่อยๆ ทำให้กองกำลังผสมเป็นอันตรายถึงชีวิตสูญเสียมากที่สุด อาวุธยุทโธปกรณ์ที่จัดหาโดย NATO น้อยกว่ากองทัพรัสเซียหลายเท่า และยังส่งล่าช้าไม่ทันสถานการณ์ ยูเครนล้มเหลวสูญเสียโอกาสที่จะได้ดินแดนทั้งหมดที่เสียไปกลับคืนมา อย่าคิดแม้แต่จะบุกไครเมีย แค่จะรักษาดินแดนยูเครนส่วนที่เหลือไว้ยังแทบเป็นไปไม่ได้
วิเคราะห์ว่า..หลังจากรัสเซียมีชัยชนะเหนือกองกำลังผสมในเมืองบัคมุทสมบูรณ์แล้ว ฝ่ายยูเครน จะโฆษณาชวนเชื่อว่ายังไม่แพ้และเสียเมือง แต่ยังต่อสู้อยู่ ส่วนสหรัฐ จะบอกว่าเมืองนี้ไม่สำคัญอะไร ซึ่งเป็นมุกเดิมๆ หลังพ่ายแพ้ทุกครั้ง
ส่วนรัสเซียนั้น มองข้ามช็อตไปถึงการเตรียมการรุกยึดเมืองคอนแสนตินอฟกา ชาชิฟยา ครามาทรอส ในเขตโดเนตสค์ และโจมตีเมืองในแคว้นซาโปริสเซีย และคาร์คิฟ ไปเรียบร้อยแล้ว ประมาณว่าไม่คุยมากเจ็บคอยึดเมืองเพิ่มลูกเดียวแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.blockdit.com/world.update
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454