ย่างเข้ามาเป็นสัปดาห์ที่หก การชุมนุมประท้วงครั้งมโหฬารในกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอล เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนับทศวรรษ ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างขั้วอำนาจเดี่ยวกับโลกหลายขั้ว อีกทั้งการประกาศเป็นศัตรูกับอิหร่านอย่างชัดเจนในทุกๆการเคลื่อนไหวทั้งทางการเมืองและการทหาร บ่งบอกปัญหาภายในประเทศที่ปะทุขึ้นด้วยฟางเส้นเดียว
รัฐบาลของอิสราเอลผลักดันการปฏิรูปศาลซึ่งทำให้เกิดข้อขัดแย้งอย่างรุนแรง การยกเครื่องกฎหมายที่วางแผนไว้ของกลุ่มพันธมิตรฝ่ายขวาจัดของเนทันยาฮูส่อทำให้ระบบตุลาการของอิสราเอลอ่อนแอลงอย่างมาก เป็นสาเหตุแห่งการออกมาคัดค้านอย่างสุดลิ่มจากฝ่ายเชื่อในประชาธิปไตย ขณะที่ทางการทหารอิสราเอลเร่งปราบปรามชาวปาเลนไตน์อย่างหนักถึงขนาดกล้าออกมาประกาศว่าปาเลสไตน์ต้องถูกขับไล่ให้หมด สภาพตอนนี้ของอิสราเอลจึงไม่ต่างกับมิคสัญญีที่เกิดจากการกระทำของตัวเองโดยแท้
วันที่ ๔ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวอัลจาซีเราะห์และThe Times of Israel รายงานว่า วิกฤตการเมืองที่ร้าวลึกของอิสราเอลจะจบลงอย่างไร? มีการประท้วงอย่างกว้างขวางเพื่อต่อต้านการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และการจู่โจมของอิสราเอลระลอกหนึ่งได้คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์หลายสิบคน
ในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของรัฐบาลผสมขวาจัดของเบนจามิน เนทันยาฮู อิสราเอลตกอยู่ในวิกฤตทางการเมือง ขณะที่การโจมตีทางทหารของอิสราเอลหลายระลอกทำให้ชาวปาเลสไตน์จำนวนมากเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ และผู้ตั้งถิ่นฐานชาวอิสราเอลได้โจมตีชุมชนชาวปาเลสไตน์ภายใต้การสนับสนุนของกองทัพอิสราเอล
มาดูสถานการณ์ปั่นป่วนในอิสราเอล ผู้ประท้วงประมาณ ๑๖๐,๐๐๐ คนออกมารวมตัวกันที่ถนนในกรุงเทลอาวีฟ เมืองหลวงของอิสราเอลตลอดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีผู้ชุมนุมอีกหลายหมื่นคนในเมืองอื่นๆ เพื่อแสดงการต่อต้านแผนการยกเครื่องกฎหมายของกลุ่มพันธมิตรไซออนนิสต์ที่เป็นรัฐบาลชุดเนทันยาฮู ผู้ประท้วงมองว่า กฎหมายใหม่จะทำให้ศาลยุติธรรมของอิสราเอลอ่อนแอลงอย่างมาก
ป้ายที่ถือโดยกลุ่มผู้ประท้วงมีข้อความว่า “ไม่มีรัฐธรรมนูญ ไม่มีประชาธิปไตย” และ “พวกเขาต้องจะไม่ผ่าน” ประเด็นนี้สมาชิกของชุมชนธุรกิจ วิชาการ กฎหมาย และแม้แต่การทหารของอิสราเอลได้เตือนถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวว่าไม่อาจยอมรับได้ การชุมนุมจึงได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง
จนถึงวันนี้การประท้วงจำนวนมากยังคงดำเนินต่อไปในกรุงเทลอาวีฟและกรุงเยรูซาเล็ม เกิดการปะทะระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจคุมฝูงชน บางส่วนเดินขบวนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี ยิ่งนานวันยิ่งทวีความตึงเครียด
ชาวอิสราเอลหลายพันคนกำลังประท้วงในเมืองทางตอนเหนือหลายแห่งเช่นกัน ตำรวจใช้ปืนฉีดน้ำระเบิดช็อตและแก๊ซน้ำตาเพื่อสลายผู้ประท้วง และกล่าวว่าเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัย ๘ คนที่ไม่ยอมให้ตำรวจเคลียร์ถนน
แม้กระทั่งภรรยาของนายกรัฐมนตรีก็ถูกผู้ชุมนุมล้อมรอบร้านเสริมสวยพร้อมตะโกนคำขวัญต่อต้านรัฐบาลว่า “ประเทศกำลังลุกเป็นไฟแต่ซาร่ากำลังตัดผม”
ยาอีร์ ลาพิด(Yair Lapid) ผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีแต่แพ้การเลือกตั้งครั้งล่าสุด ตำหนินายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูที่เปรียบเทียบคนหลายพันคนที่ประท้วงในกรุงเทลอาวีกับผู้ตั้งถิ่นฐานที่โกรธแค้นในเมืองฮูวาราของปาเลสไตน์
ลาพิดกล่าวว่า “เหตุการณ์ที่เมืองฮูวาราเป็นสังหารหมู่ที่ดำเนินการโดยผู้ก่อการร้าย เนทันยาฮูเปรียบพวกเขากับคนที่รับใช้ในอิสราเอล, นักบินอาปาเช่, ทหารกองหนุน, แพทย์, นักเรียน และผู้คนที่ออกมาเดินถนนในทุกวันนี้ได้อย่างไร” “คนเหล่านี้เป็นคนที่ดีที่สุดในอิสราเอล นั่นเป็นคำพูดที่แย่มาก นี่เป็นการปลุกระดมความบาดหมางโดยชายที่อ่อนแอและเป็นอันตราย”
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กล่าวถ้อยแถลงต่อประเทศชาติในวันที่ตำรวจใช้กำลังเข้าระงับการประท้วงในกรุงเทลอาวีฟ โดยเขาเปรียบเทียบผู้ประท้วงกับผู้ตั้งถิ่นฐานที่อาละวาดในเมืองเวสต์แบงก์ของปาเลสไตน์เมื่อคืนวันอาทิตย์ หลังจากชาวอิสราเอลสองคนถูกยิงเสียชีวิตที่นั่น ในการโจมตีด้วยความหวาดกลัว ผู้ตั้งถิ่นฐานเผาบ้านและยานพาหนะหลายสิบหลังในการจลาจลที่ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจำนวนมาก
เนทันยาฮูกล่าวย้ำว่า “เราจะไม่ยอมรับความรุนแรงในฮูวารา และเราจะไม่ยอมรับความรุนแรงในเทลอาวีฟ”
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในทั้งสองสถานการณ์ ผู้ชุมนุมเดินข้ามเส้นสีแดง ซึ่งเขาให้คำจำกัดความว่าเป็นความรุนแรงและอนาธิปไตย รวมถึงการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ การปิดกั้นถนน และการคุกคามต่อนักการเมือง
แถลงการณ์ไม่เรียกร้องให้มีการประนีประนอมและการเจรจา แต่กล่าวหาผู้ประท้วงว่ายุยงให้เกิด “อนาธิปไตย”ส่งผลให่การชุมนุมประท้วงเดือดหนักขึ้นไปอีก
การประท้วงของชาวยิวด้วยกันเอง เป็นเพราะขัดแย้งกันในภาคการเมืองและเศรษฐกิจ ส่วนการประท้วงของชาวปาเลสไตน์เป็นอาชญากรรมที่อิสราเอลกระทำต่อชาวปาเลสไตน์ภายใต้การเมินเฉยของเมกาและตะวันตก รวมทั้งสหประชาชาติและคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน!!