การตัดสินใจของรัฐสภาอเมริกาในการเลือกเศรษฐกิจมาก่อนสุขภาพโดยผ่านนโยบายเปิดเศรษฐกิจทั้งๆที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 ยังพุ่งไม่หยุดได้ถูกโหมไฟมิคสัญญีขึ้นเมื่อประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวิตข้อความ???
อ้างอิงถึงการใช้สิทธิครอบครองอาวุธ ที่นักวิเคราะห์มองว่าส่อเจตนาให้ผู้คนหยิบอาวุธขึ้นปฏิวัติรัฐบาลท้องถิ่นและอาจทำให้การประท้วงที่กำลังเกิดขึ้นนำไปสู่ความรุนแรงได้ 1-อเมริกานอกจากไม่มีวี่แววว่าจะ “หายป่วย” จากเชื้อไวรัสโควิด-19 อาจสุ่มเสี่ยงกับการตกเข้าสู่ภาวะมิคสัญญี กลายเป็นบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป เพราะการตัดสินใจเลือกเปิดเมือง หรือเปิดเศรษฐกิจกลางการแพร่ระบาดหนัก
2-เรื่องของเรื่องมาจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ทวิตข้อความว่า “ปลดปล่อยมิชิแกน! ” (“LIBERATE MICHIGAN!”) และได้ทวิตแบบเดียวกันโดยเอ่ยชื่อรัฐอีกสองรัฐคือ มินิโชต้า และ เวอร์จิเนีย อีกด้วย 3-ก่อนหน้าจะทวิตข้อความข้างต้นทรัมป์ได้บอกผู้ว่าการรัฐต่างๆว่า “ถึงเวลาที่พวกคุณจะต้องเลือกตัดสินใจแล้ว” (“You are going to call your own shots”) ในเรื่องการกลับมาเปิดเศรษฐกิจ(reopen Economic)อีกครั้ง
4-ยิ่งกว่านั้นทรัมป์ได้ทวิตข้อความว่า “จงปกป้องสิทธิพื้นฐานข้อ2อันยิ่งใหญ่ของคุณ” (“save your great 2nd Amendment”) และ “(สิทธิข้อ2)ถูกยึดไปแล้ว” (“It is under siege!”) ซึ่งนักวิเคราะห์จาก CNN กล่าวว่าไม่ชัดเจนว่าทำไททรัมป์ถึงต้องพูดเรื่องสิทธิพื้นฐานข้อ 2 ในรัฐธรรมนูญของอเมริกาขึ้นมาในสถานการณ์เช่นนี้
5-แต่สารที่ส่งออกไปนั้นเข้าใจได้ไม่ยากว่า ทรัทป์กำลังปลุกระดมให้ผู้สนับสนุนตน(และพรรคริพับลิกัน)ลุกขึ้นต่อต้านและปฏิวัติรัฐบาลท้องถิ่น…โดยการจับอาวุธ??? 6-อะไรคือ สิทธิพื้นฐานข้อ 2 (Second Amendment) นั่นคือ สิทธิอันชอบธรรมที่จะครอบครองอาวุธได้ไม่ต่างจากเจ้าหน้าที่รัฐ หรือพูดง่ายๆก็คือ “รัฐไม่มีสิทธิปลดอาวุธชาวบ้าน” นั่นเอง
7-โดยมีการเขียนเอาไว้ว่า “…A well regulated militia being necessary to the security of a free state, the right of the people to keep and bear arms shall not be infringed…” ใจความว่า “…กองกำลังชาวบ้านมีความจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของรัฐ (ดังนั้น)สิทธิในการครอบครองอาวุธของประชาชนจะไม่ถูกละเมิด…”
8-ย้อนความไปก็คงต้องพูดถึงสมัยที่เกิดสงครามปฏิวัติอเมริกา ที่ต้องการปลดแอกแยกตัวเองออกมาจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษ (สิทธินี้เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญดั้งเดิมของชาวอังกฤษเองสมัยปฏิวัติต่อต้านกองทัพของรัฐบาลกษัตริย์ คือกำหนดเป็นสิทธิว่ารัฐห้ามปลดอาวุธประชาชน) เมื่อมลรัฐต่างๆของอเมริกาสามารถปลดแอกจากอังกฤษได้ก็ตกลงระบุเอาไว้ในรัฐธรรมนูญเสียให้ชัดๆเป็นลายลักษณ์อักษร
9-ต่อมาเมื่อสังคมเปลี่ยนไป ไม่มีกองกำลังชาวบ้าน มีคำถามว่าแล้วประชาชนธรรมดาจะมีสิทธิถือครองอาวุธนี้หรือไม่? ศาลสูงอเมริกาจึงได้ตัดสินว่าเป็นสิทธิของบุคคล และเป็นสิทธิที่มีอยู่โดยชอบธรรมในฐานะบุคคลด้วย (แปลว่าไม่ใช่สิทธิตามรัฐธรรมนูญ = เป็นสิทธิก่อนรัฐธรรมนูญ =ไม่สามารถแก้ไขได้)
10-สิทธิข้อนี้อาจทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างในอเมริกา ที่ชัดๆคือ พฤติกรรมการกราดยิงหมู่ (mass shooting) ที่เกิดขึ้นได้ง่ายเพราะการครอบครองอาวุธเสรีตามสิทธิข้อนี้ แต่ในทางกฏหมายไม่สามารถแก้รัฐธรรมนูญเพื่อห้ามการครอบครองอาวุธเสรีได้ เพราะขัดกับสิทธิพื้นฐานข้อ2ดังกล่าว (ต้องไปแก้ทางอ้อมโดยหาวิธีการคุมเข้มการครอบครองอาวุธแทน)
11-การที่ทรัมป์เอ่ยถึงสิทธิข้อ 2 ขึ้นมานั้น นักวิเคราะห์มองว่า ทรัมป์กำลัง “เล่นกับไฟ” คือทำในสิ่งที่เป็นอันตรายและอาจส่งผลตามมาที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ เพราะ… 12-รัฐที่ทรัมป์เอ่ยถึงทั้ง 3 รัฐนั้นไม่อยู่ในรัฐ “แนวทาง” ที่จะกลับมาเปิดเมืองได้ ซึ่ง “แนวทาง” ต่างๆที่จะกลับมาเปิดเมืองใหม่นั้นทรัมป์ก็เป็นคนที่ระบุขึ้นมาเอง(โดยส่วนตัว) ตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้การเปิดเมืองเป็นไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอนและสร้างความสูญเสียให้น้อยที่สุด
13-ที่น่าสนใจมากไปกว่านั้นคือทั้ง 3 รัฐล้วนแล้วแต่เป็นรัฐคู่แข่งของพรรคริพับลิกันทั้งสิ้น และมีผู้ว่าการรัฐที่เป็นคนของพรรคเดโมแครต อีกทั้งขณะนี้ในรัฐมิชิแกน และ มินิโซต้า ก็มีการประท้วงให้เปิดเมืองครั้งใหญ่ที่เรียกว่า “ปฏิบัติการกริดล็อค” ที่ทำให้จราจรติดขัดยาวหลายกิโลฯ ซึ่งการทวิตปลุกระดมของทรัมป์ขัดแย้งกับแนวทางที่ตนเสนอและราวกับต้องการให้มีคนตายมากขึ้น
14-ทรัมป์ปลุกระดมให้คนลุกขึ้นต่อต้านในห้วงเวลาที่คนกำลังหดหู่ สิ้นหวัง และโกรธแค้น เพราะรายได้ที่หายไปและความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งการอ้างสิทธิในการครอบครองอาวุธเหมือนการยั่วยุให้การประท้วงโดยสงบอาจบานปลายไปสู่ความรุนแรง 15-ทรัมป์อาจปลุกระดมผู้คนได้แต่ไม่สามารถควบคุมให้อยู่ในทิศทางที่ตนต้องการได้ นักวิเคราะห์มองว่านี่คือช่วงเวลาที่เราต่างไม่มีใครเคยพบ และอารมณ์ของผู้คนก็พุ่งถึงขีดสุด ไม่มีอะไรรับประกันว่าทรัมป์จะควบคุมอะไรได้
16-(ในวันที่ 18 เม.ย.2563) รัฐมิชิแกน พบจำนวนผู้ติดเชื้อ 30,791 คน อยู่ในอับดับ 5 ของรัฐที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงสุด มีการพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มวันละ 768 คน มีผู้เสียชีวิต 2,308 คน ยังมีผู้ป่วยที่ยังทำการรักษา 25,246 คน จากการตรวจทั้งหมด 102,366 คน
17-ส่วนภาพรวมของอเมริกาล่าสุด (18 เม.ย.2563) มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ถึง 738,923 คน เสียชีวิต 39,015 คน และรักษาหายแล้ว 68,287 คน ทั้งนี้อเมริกาเป็นประเทศที่จัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความพร้อมด้านสาธารณสุขดีที่สุดในโลก (ส่วนไทยมีความพร้อมอยู่อันดับ 6)