การก่อการร้ายอย่างอุกอาจในเขตบริยันสค์และเคิร์สของรัสเซีย FSBรัสเซียพบว่าเป็นกระทำโดยใช้อาวุธของ NATO นำไปสู่คำถามเกี่ยวกับความผิดชอบของพันธมิตรนาโต้อย่างโจ่งแจ้ง
เรื่องนี้ในการประชุมสภาความมั่นคง นอกจากถล่มเอาคืนเขตชั้นในของยูเครน และไล่ล่าตัวการแล้ว มีการเผยแพร่บทความในวารสารทางการทหารโดยกลาโหมรัสเซีย บ่งบอกท่าทีของรัสเซียว่า เตรียมการตอบโต้ทางทหารต่อการรุกรานของสหรัฐฯ โดยกำลังพัฒนาปฏิบัติการทางทหารรูปแบบใหม่ด้วยการใช้อาวุธนิวเคลียร์ และอาวุธธรรมดาที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงทางทหารล่าสุด เพื่อป้องกันตัวเองจากการรุกราน
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียได้ออกแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาประกาศถึงการใช้อาวุธของนาโต้ว่า “เจ้าหน้าที่ยูเครนรับทราบซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าการกระทำทั้งหมดของพวกเขาดำเนินการโดยได้รับการอนุมัติและสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ของ NATO การฆาตกรรมในภูมิภาค Bryansk กระทำโดยใช้อาวุธของ NATO ในเรื่องนี้ คำถามเชิงตรรกะเกิดขึ้นเกี่ยวกับคุณสมบัติของประเทศเหล่านี้ว่า เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการก่ออาชญากรรมดังกล่าวและเป็นผู้สนับสนุนการก่อการร้าย”
ถ้อยแถลงระบุว่า “เราได้ข้อสรุปที่เหมาะสมจากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่สืบสวนของรัสเซียได้ทำการสอบสวน อาชญากรรมนี้จะไม่ลอยนวล”
กระทรวงการต่างประเทศเปิดเผยว่าวอชิงตันใช้ “แผนภูมิรัฐศาสตร์เพื่อทำลายรัสเซีย”อย่างต่อเนื่องโดยอัดฉีดอาวุธเข้าไปในยูเครน กำหนดเป้าหมายและประสานการโจมตี กลุ่มตะวันตกหล่อเลี้ยงระบอบนีโอฯในเคียฟมาหลายปีแล้ว โดยเรียกร้องให้เคียฟดำเนินการโจมตีและยึดครองดินแดนของภูมิภาครัสเซียใหม่ต่อไปแต่มั่นใจว่า “แผนดังถึงวาระที่จะล้มเหลว”
“พวกเขาไม่สนใจว่าราคาของนโยบายนี้คือชีวิตของผู้บริสุทธิ์หลายพันคน”“เมื่อวันก่อน วิกตอเรีย นูแลนด์ รองรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวในงานคาร์เนกี้เซ็นเตอร์(Carnegie Center) ว่าเป้าหมายทางทหารในไครเมียของรัสเซียเป็น “เป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย” สำหรับยูเครน ดูเหมือนว่าวอชิงตันคาดหวังที่จะได้รับคะแนนทางการเมืองเพิ่มเติมใน ‘แคมเปญไครเมีย’ สำหรับ การเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึง”
กระทรวงการต่างประเทศยังตำหนิแผนสันติภาพของเซเลนสกีปธน. ยูเครน”อันที่จริง มันไม่ได้มุ่งสร้างสันติภาพ แต่มุ่งสร้างแนวร่วมต่อต้านรัสเซีย”
วันที่ ๔ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์รายงานว่า รัสเซียกำลังดำเนินการปฏิบัติการทางทหารประเภทใหม่ที่เกี่ยวข้องกับศักยภาพด้านนิวเคลียร์เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจากสหรัฐฯ วารสาร Military Thought ของกระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยในบทความที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
เนื้อหาระบุว่า สหรัฐฯ กำลังสูญเสียตำแหน่งผู้นำในโลก ดังนั้นแนวทางการทหาร-การเมืองที่มีต่อรัสเซียจึงก้าวร้าวมากขึ้น ตามที่บทความชี้ให้เห็น สถานการณ์นี้เกี่ยวข้องกับความจริงที่ว่ารัสเซียถูกมองจากตะวันตกว่าเป็น “ผู้ร้ายหลักของการสูญเสียการครอบงำโลกของอเมริกา”
มีการวางแผนให้เกิด’ความพ่ายแพ้’ ของรัสเซีย โดยสหรัฐฯมองเห็นเป้าหมายสุดท้ายของปฏิบัติการนี้มุ่งเป้าทำลายศักยภาพการป้องปรามนิวเคลียร์ของรัสเซีย ซึ่งสามารถทำได้ โดยการติดตั้งระบบป้องกันมิซไซล์รอบพรมแดนของรัสเซีย หรือส่งการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ทั่วโลกในทันทีจะสามารถกวาดล้าง ๖๕-๗๐% ของกองกำลังนิวเคลียร์เชิงกลยุทธ์รัสเซีย
“ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารในประเทศต่างมองและกำลังพัฒนารูปแบบขั้นสูงในการปฏิบัติการของกองทัพรัสเซีย ซึ่งเป็นปฏิบัติการป้องปรามทางยุทธศาสตร์ เป็นวิธีการหลักและเครื่องมือในการตอบโต้ความพยายามของเพนตากอนในการดำเนินการตามเจตนาที่ก้าวร้าวในการทำลายรัสเซีย”
บทความกล่าวว่า “ความพยายามของรัสเซียในการบรรลุเป้าหมายที่เด็ดขาดที่สุดในการกำหนดเส้นทางผู้รุกราน หมายถึงการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์เชิงรุกและป้องกันเชิงกลยุทธ์ขั้นสูง อาวุธนิวเคลียร์และอาวุธธรรมดาที่ใช้เทคโนโลยีทางการทหารขั้นสูงล่าสุด”
ผู้เขียนบทความระบุว่า “การระบาดของความก้าวร้าวสามารถถูกขัดขวางได้หากปัจจัยการป้องปรามแสดงให้เห็นอย่างน่าเชื่อถือ อย่างน้อยที่สุดในช่วงหนึ่งของระยะเวลาการบินและอวกาศของปฏิบัติการหลายภาคส่วนเชิงกลยุทธ์ของนาโต้”
แม้สภาความมั่นคงของรัสเซียจะหนุนให้ปูตินประกาศเปิดสงครามเต็มรูปแบบกับยูเครนและนาโต้ แต่เราอาจไม่ได้เห็นการประกาศอย่างเป็นทางการอะไรก็เป็นได้ เพราะความสำคัญอยู่ที่ปฏิบัติการจริงในพื้นที่สู้รบ ถึงแม้เมกาและพันธมิตรนาโต้จะพยายามโฆษณาว่า อเมริกาเริ่มเห็นด้วยกับจีนในการเจรจาเพื่อสันติภาพ แต่อาการมันตรงกันข้าม เพราะสหรัฐฯส่งบินรบลาดตระเวนเหนือน่านฟ้าลัตเวียไกลจากมอสโหว์ไม่กี่ร้อยกม. และส่งบินรบเฉี่ยวน่านฟ้าไครเมียเมื่อเร็วๆนี้ขณะส่งทีมก่อการร้ายไปป่วนชายแดนรัสเซีย!!??