สภาพพรมเช็ดเท้าเมกา!! เบอร์ลินจลาจลปชช.หลายหมื่นชุมนุมต้านส่งอาวุธยูเครน กลาโหมโอดอาวุธหมดคลัง

0

กระแสต้านนาโต้ไม่เอาสงครามหนุนยูเครน ก่อหวอดผู้ประท้วงหลายหมื่นคนชุมนุมกันในเมืองหลวงของเยอรมนี เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีโอลาฟ โชลซ์“หยุดการยกระดับการส่งมอบอาวุธให้ยูเครน” หลายรอบแต่ผู้นำเยอรมนียังคงกร้าว พร้อมส่งอาวุธและ เตรียมฝึกทหารเคียฟ ๑,๐๐๐ คนเร็วๆนี้ แม้ว่าปัญหาเศรษฐกิจของเยอรมนีก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยเต็มตัวแล้วก็ตาม

การเดินขบวนในใจกลางกรุงเบอร์ลินเพื่อประท้วงต่อต้านการให้อาวุธแก่ยูเครน ตึงเครียดมากขึ้น เรียกร้องให้รัฐบาลเยอรมนีลดระดับวิกฤตด้วยการปูทางไปสู่การเจรจากับปธน.ปูตินแทน

ตำรวจประเมินว่ามีคนเข้าร่วมประมาณ ๑๓,๐๐๐ คนเข้าร่วมก่อการจลาจลเพื่อสันติภาพที่ประตูบรันเดินบวร์ก ซึ่งจัดโดย ซารา วาเกนเน็คต์(Sahra Wagenknecht) สมาชิกพรรคฝ่ายซ้าย และอลิซ ชวาร์เซอร์ นักรณรงค์เพื่อสิทธิสตรีรุ่นเก๋า ผู้จัดงานอ้างว่ามีผู้เข้าร่วมมากถึง ๕๐,๐๐๐ คน การชุมนุมที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้นในเมืองอื่นๆ ของเยอรมันต่อเนื่องยังไม่จบ

ล่าสุดรัฐมนตรีกลาโหมโอดครวญว่าเยอรมนีไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เพราะงบฯไม่มีอาวุธไม่พอ ที่มีอยู่จะต้องส่งไปให้ยูเครนตามที่นายกรัฐมนตรีสัญญาภายในสิ้นปีนี้ ดูเหมือนว่าอยากได้งบทหารเพิ่มว่างั้น

วันที่ ๓ มี.ค.๒๕๖๖  สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า บอริส พิสโตริอุส รัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี (German Defense Minister Boris Pistorius) อ้างเมื่อวันจันทร์ว่า “กองทัพของประเทศไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะปกป้องประเทศจากการรุกรานทางทหาร”  รัฐมนตรีกล่าวระหว่างการประชุมกับเพื่อนสมาชิกของพรรคสังคมประชาธิปไตย (SPD)

พิสโตริอุสกล่าวว่า “เราไม่มีกองกำลังติดอาวุธที่สามารถปกป้องประเทศได้ นั่นคือไม่สามารถปกป้องจากสงครามรุกรานและทำสงครามอย่างโหดเหี้ยม” 

รัฐมนตรีกล่าวว่ากองทัพบุนเดสแวห์ (Bundeswehr) มีกำลังพลไม่เพียงพอและมียุทโธปกรณ์ไม่เพียงพอ หลังจากละเลยมานานหลายทศวรรษจากรัฐบาลกลาง เยอรมนีจะต้องลงทุนมากขึ้นในด้านกองทัพเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของ NATO

พลโทอัลฟอนส์ มาอิส (Alfons Mais) ผู้บัญชาการและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพเยอรมัน กล่าวกับสำนักข่าว DPA เมื่อวันอาทิตย์ว่า เงิน ๑๐๐,๐๐๐ ล้านยูโรที่นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ (Olaf Scholz) สัญญาไว้ก่อนหน้านี้นั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้กองกำลังติดอาวุธของประเทศพร้อมรบ เขากล่าวย้่ำว่า“กองทัพที่ผมมีหน้าที่นำนั้นเปลือยเปล่าไม่มากก็น้อย” 

ข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขาดความพร้อมรบของบุนเดสแวห์ มาจากประธานสมาคมกองทัพเยอรมัน พันเอกแอนเดร วุสต์เนอร์ (Andre Wustner) ซึ่งอ้างในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่ารถถัง Leopard 2 ประมาณ ๓๐๐ คันในสต็อก “ขณะนี้มีเพียง 30% เท่านั้นที่ปฏิบัติงานได้จริง”

แม้จะมีการประเมินนี้ เยอรมนียังได้ให้การสนับสนุนอย่างกว้างขวางแก่ยูเครนในความขัดแย้งกับรัสเซีย บางครั้งต้องสูญเสียความสามารถในการป้องกันของตนเอง อาร์มิน แปปเปอร์เกอร์(Armin Papperger) ซีอีโอของเรนเมทอลล์ (Rheinmetall)  ซึ่งเป็นผู้รับเหมาทางทหารชั้นนำของประเทศกล่าวว่ารัฐบาลได้โอนระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ทันสมัยสองระบบให้กับยูเครนซึ่งมีไว้เพื่อปกป้องเมืองหลวงของเยอรมนีไปแล้ว

ทั้งสองระบบที่เป็นปัญหาคือ Skynex และ Skyranger ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเยอรมันให้ปกป้องน่านฟ้าเหนือกรุงเบอร์ลิน ผู้ผลิตอาวุธเปิดเผย ทั้งสองหน่วยมีราคาประมาณ ๒๐๐ ล้านยูโร หรือ ๒๑๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะถูกส่งไปยังเคียฟภายในปีนี้

เยอรมนียังให้คำมั่นว่าจะส่งมอบรถถังที่ผลิตโดยชาติตะวันตกให้แก่ยูเครนเมื่อปลายเดือนมกราคม โดยสัญญาว่าจะจัดหารถถัง Leopard 2 จำนวน ๑๔ คัน และให้คำมั่นว่าจะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างกองพันหุ้มเกราะ ๒ กองพันที่บรรจุรถถังคันละ ๓๐ คัน อย่างไรก็ตาม พันธมิตรสหภาพยุโรปและนาโต้ของเยอรมนียังลังเลที่จะส่งมอบ และเกี่ยงกันว่าจะส่งเมื่อไหร่ดี

การขนส่งอาวุธอย่างต่อเนื่องของเบอร์ลินไปยังยูเครนก็พบกับการประท้วงในหมู่ชาวเยอรมันซึ่งพรรคฝ่ายซ้ายเป็นแกนนำการชุมนุม  ได้จัดขึ้นตั้งแต่วันเสาร์สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้ชอลซ์ หยุดติดอาวุธเคียฟ มีผู้เข้าร่วมประมาณ ๕๐,๐๐๐ คน

เจ้าหน้าที่ในบางประเทศของ NATO ได้เตือนว่าการจัดหาอาวุธและเครื่องกระสุนอย่างต่อเนื่องให้กับยูเครนในปริมาณมหาศาลเช่นนี้ ในที่สุดจะต้องสูญเสียขีดความสามารถในการป้องกันตนเอง

มอสโกว์ได้แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการส่งมอบอาวุธของชาติตะวันตกแก่เคียฟหลายครั้ง รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya 24 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ว่า หากมีการจัดหาอาวุธพิสัยไกลให้กับเคียฟมากแค่ไหน  กองกำลังยูเครนจะต้องถูกผลักดันถอยห่างจากดินแดนของรัสเซียไกลห่างออกไปเท่านั้นดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินเตือนหลายต่อหลายครั้งว่าการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่เคียฟจะไม่เปลี่ยนแนวทางของความขัดแย้ง แต่จะ“ยืดเยื้อความทุกข์ทรมานของชาวยูเครนมากกว่า”