สหรัฐอเมริกามองตัวเองว่าเป็นเจ้าโลกเพียงหนึ่งเดียวไม่ยอมให้มีคู่แข่งมาเทียบชั้น ถ้าชาติไหนมีแสนยานุภาพใกล้เคียงก็จะนับว่าเป็นภัยคุกคามทันที รัสเซียถูกประเมินว่าเป็นภัยคุกคามโลกตะวันตก เมื่อผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ฟื้นฟูแสนยานุภาพของประเทศจนอยู่ในระดับเดียวกับสหรัฐฯ ทั้งยังเหนือกว่าด้านขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ ไฮเปอร์โซนิก ล่าสุดนี้จีนถูกประเมินว่าเป็นศัตรูอันดับ ๑ ของสหรัฐฯ หลังจากปักกิ่งพัฒนาอย่างก้าวกระโดดตลอดเวลา ๔๐ ปี ทั้งด้านเศรษฐกิจ แสนยานุภาพการทหารและอวกาศและแพร่ความรังเกียจเดียจฉันจีนมากยิ่งกว่าสมัยทรัมป์
ความเป็นอันธพาลล่าสุดของสหรัฐฯแสดงออกโจ่งแจ้งซ้ำๆหลายกรณีล่าสุดไปข่มขู่บราซิลซึ่งเป็นพันธมิตรยาวนานของสหรัฐฯมาโดยตลอดแต่พักหลัง ปธน.คนใหม่สนิทกับปูตินและไม่สนเกมขยี้รัสเซียและจีนของเมกาแต่อย่างใด
เท็ด ครูซ (Ted Cruz)ส.ว.จอมซ่าสังกัดพรรครีพับลิกัน คู่แข่งทรัมป์แต่สอบตกในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับ ทรัมป์ปัจจุบันเป็นกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์
ครูซ ประณามบราซิลและขู่ว่าจะคว่ำบาตรใครก็ตามในบราซิลที่มีส่วนให้ความช่วยเหลือเรือรบฟริเกต Dena และเรือเสบียง Makran ของอิหร่านจอดแวะท่าเรือ เมืองริโอเดจาเนโร ในบราซิล ทั้งๆที่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเดินทางรอบโลกของอิหร่าน
ครูซ อ้างว่าเรือรบของอิหร่านถูกคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ การเดินทางมาบราซิลเป็นภัยต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการหาเรื่องทั้งที่เรือสองลำเทียบกันไม่ได้กับแสนยานุภาพของสหรัฐฯ นิสัยชอบหาเรื่องหรือความหิวแสงของ ส.ว.เท็ด ครูซ จึงออกหน้าขู่บราซิลให้เสียเพื่อนไปอีก ที่จริงแล้วสหรัฐฯ กลบเกลื่อนการก่อการร้ายในการระเบิดท่อก๊าซรัสเซียในทะเลบอลติก ทำให้คนยุโรป กิจการธุรกิจ ไม่มีก๊าซธรรมชาติใช้ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรุนแรงมากกว่า
ส.ว.ครูซ อ้างว่าประธานาธิบดีบราซิล นายลูลา ดา ซิลวา ทำตัวไม่ตอบสนองผลประโยชน์ของสหรัฐฯ หรือเป็นเพราะโจ ไบเดนไม่พูดจาให้นายลูลาเข้าใจเมื่อพบกันในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ไม่นานมานี้แขวะไบเดนแถม ยุคนี้ทำไมใครๆก็ตีจาก
คราวนี้ครูซ เจอดีเมื่อนักหนังสือพิมพ์อเมริกัน นายเกลนน์ กรีนวาลด์ (Glenn Greenwald) ซึ่งอาศัยในบราซิลบอกว่าคำพูดของวุฒิสมาชิกจอมโอหังสะท้อนให้เห็นความเป็นคนมือถือสากปากถือศีลของสหรัฐฯ บนเวทีโลก
“สหรัฐฯ มองว่าทุกประเทศในอเมริกาใต้เป็นสมบัติของตนเองเป็นเจ้าโลกในภูมิภาคนี้ แต่บราซิลและประเทศอื่นๆ พากันหัวเราะใส่หน้าโจ ไบเดน สำหรับการทำสงครามของสหรัฐฯในยูเครน อ้างว่าป้องกันอธิปไตย” ใครก็รู้วอชิงตันมีแผนใช้ยูเครนเป็นตัวแทนปราบรัสเซีย
นายกรีนวาลด์ตบท้ายว่า “ถ้ายูเครนยอมให้ประเทศกลุ่มนาโต้ไปอยู่ชายแดนติดกับรัสเซียได้ บราซิลย่อมมีสิทธิให้เรือของใครก็ได้เข้ามาจอดในประเทศ”
วันที่ ๒ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซนิมนิวส์รายงานว่า เรือรบมาคราน (Makran) และเดนา (Dena) ของกองทัพเรืออิหร่าน ซึ่งรวมกันเป็นกองเรือทหารกองที่ ๘๖ ของสาธารณรัฐอิสลาม เข้าเทียบท่าในเมืองริโอเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
พลเรือโทคาร์ลอส เอดัวโด ฮอร์ตา อเรนต์ส (Carlos Eduardo Horta Arentz) รองเสนาธิการทหารเรือของบราซิล ได้อนุมัติให้เรืออิหร่านเข้าเทียบท่าในเมืองริโอฯ ระหว่างวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ถึง ๔ มีนาคม หลังจากปธน. ลูอิส อินาซิโอ ลูลา(Luiz Inacio Lula) ของบราซิลเดินทางเยือนวอชิงตันเมื่อเร็วๆ นี้
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ เอลิซาเบธ แบ็กลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำกรุงบราซิเลีย เรียกร้องบราซิลไม่ให้เรือเข้าเทียบท่า โดยกล่าวว่า “เราเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าเรือเหล่านั้นไม่ควรจอดเทียบท่าที่ไหนเลย” แม้ว่าวอชิงตันจะเรียกร้อง แต่ประเทศในอเมริกาใต้ก็อนุญาตให้เรือเข้าเทียบท่าในริโอได้หลังจากที่ลูลาสิ้นสุดการเดินทาง
อิหร่านเมินท่าทีแข็งกร้าวของสหรัฐฯที่แสดงออกอย่างไม่ปิดบังตั้งเป้ากดดันใครก็ตามที่คบอิหร่าน แต่ดูเหมือนประเทศต่างๆจะเกรงใจน้อยลงมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเห็นธาตุแท้อันธพาล ที่ข่มขู่ประเทศที่ไม่สยบตามคำสั่งวอชิงตันหนักข้อขึ้นโดยไร้เหตุผลที่เหมาะสมรองรับ นอกจากไม่กลัวเกรงสหรัฐฯและพวกแล้ว ยังเปิดการซ้อมรบครั้งใหญ่โชว์ศักยภาพทางทหารอย่างเปิดเผย
นายพลแอบบาส ฟาราจพัวร์ (Abbas Farajpour) โฆษกของกองทัพกล่าวว่า “การฝึกร่วมป้องกันภัยทางอากาศจะดำเนินการใน “สองในสามของท้องฟ้าของประเทศ” สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของรัฐสภาอิหร่านเพิ่งจัดการประชุมกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงข่าวกรองเกี่ยวกับ “เหตุการณ์ล่าสุดในเอสฟาฮานและการาจ ที่ถูกโดรนโจมตี”
อิหร่านตกเป็นเป้าของการโจมตีทางอากาศและปฏิบัติการก่อวินาศกรรมที่ต้องสงสัยหลายครั้งตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลโดยมีสหรัฐฯมีส่วนร่วมรับรู้หรือหนุนหลัง