สหรัฐ-นาโต้ดิ้นพล่าน! ปูตินเดินเกม รุกตลาดอาวุธตปท.! ขั้วอำนาจใหม่ จับมือเพิ่มยุทโธปกรณ์-ขยายอำนาจ จ่อฐานทัพตะวันตก
จากกรณีเมื่อวันที่ (27 กุมภาพันธ์ 2566) นายวิลเลียม เบิร์นส ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (CIA) ให้สัมภาษณ์ในรายการ Face the Nation ทางสถานีโทรทัศน์ CBS ว่า รัสเซียและอิหร่านพัฒนาความสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานี้ ซึ่งในมุมมองของเขาเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าสบายใจ
“ความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและรัสเซียตอนนี้ มีความเคลื่อนไหวค่อนข้างเร็วในทิศทางที่อันตรายมาก นอกจากเรื่องที่เรารู้ คืออิหร่านได้จัดหาโดรนติดอาวุธหลายร้อยลำให้กับรัสเซีย ซึ่งถูกนำไปใช้ในการสร้างความเจ็บปวดให้กับชาวยูเครน ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน เรายังรู้อีกว่า พวกเขากำลังจัดเตรียมกระสุนสำหรับปืนใหญ่ และรถถังให้กับรัสเซียด้วยเช่นกัน” เบิร์นสระบุ
ต่อมาวันที่ 1 มีนาคม 2566 ทาง Blockdit World Update ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าว โดยบอกว่า ผลจากที่สหรัฐ นำชาติฝ่ายระเบียบโลกเก่าขั้วเดียวกลุ่ม NATO และพันธมิตรกว่า 40 ชาติ รุมระดมทรัพยากร อาวุธ เงิน กำลังพล ทำสงครามทั้งทางตรงและทางอ้อมกับรัสเซีย ในสมรภูมิยูเครน
ชาวโลกเฝ้าจับตาว่าฝ่ายสหรัฐ จะเอาชนะรัสเซียได้หรือไม่ ผ่านมาครบ 1 ปี คำตอบคือ “ไม่ใกล้ความจริง” พื้นที่ๆ ฝ่ายกองกำลังผสมฝ่ายรุมที่ทุ่มทรัพยากรมากกว่ายึดครองหดหายลงเรื่อยๆ แต่ฝ่ายถูกรุมรัสเซีย ใช้ทรัพยากรน้อยกว่าหลายเท่าตัว แต่กลับขยายพื้นที่ยึดครองได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทีละเมืองและหมู่บ้าน เครดิตอาวุธดีๆ ของ NATO หมดสิ้น
เมื่อภาพที่ปรากฎเกร่อทางสื่อไปทั่วโลกอาวุธเทพเหล่านั้นกลายเป็นเพียงเศษเหล็กกระป๋องบู้บี้ จนเขินอายมาก เยอรมนีถึงขนาดยอมเสียศักดิ์ศรีเอารถไปแอบขนรถถังรัสเซีย ที่จอดแสดงโชว์ในสถานทูตรัสเซีย ช่วงกลางดึก แล้วย้ายมาตั้งโชว์กลางกรุงเบอร์ลิน
แล้วให้ยูเครน เคลมออกสื่อแบบดื้อๆ ว่าขนมาจากสนามรบแนวหน้า ต่อมาสถานีโทรทัศน์เยอรมัน รายงานว่ากองทัพเยอรมนี ยอมรับเสียงอ่อยว่ามี “ผู้ขโมยรถถัง” มาจากสถานทูตรัสเซียในกรุงเบอร์ลินในชั่วข้ามคืน โดยไม่ทราบทิศทาง และใครเป็นคนขโมยมา สร้างความฮือฮาจมกระเบื้อง แคมเปญโฆษณาชวนเชื่อของยูเครนและเยอรมนี หน้าแตกจบลงอย่างสิ้นเชิงด้วยความอับอาย
เมื่ออาวุธดีๆ ของ NATO เสียเครดิตความน่าเชื่อถือ รัสเซียก็เดินเกมส์รุกตลาดอาวุธในต่างประเทศหนักขึ้น ส่งนาย Nikolai Patrushev เลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งรัสเซียไปเยือนแอลจีเรีย กระทรวงกลาโหมแอลจีเรีย และรัสเซีย ได้หารือเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือทางทหารของทั้ง 2 ชาติ เพราะแอลจีเรียนี่แหละ คือ ตลาดมืดที่เจ้าหน้าที่และทหารรับจ้างกองกำลังผสมขนอาวุธตะวันตกให้ยูเครนกู้มาขายราคาถูก
แล้ววนกลับไปเข้าแก๊งค์อาชญากรรมในยุโรปเกร่อตอนนี้ อาวุธที่ส่งมายูเครน จึงหายวับไปในพริบตา แล้วก็แบมือขอใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่รู้ว่าเงินขายอาวุธในตลาดมืดเหล่านั้นวนไปเข้ากระเป๋าใคร ส่วนอินเดีย ก็ไม่เอาแล้วอาวุธเทพสหรัฐ เพราะพิสูจน์มา 1 ปีแล้วเทียบไม่ได้กับอาวุธรัสเซีย ตอนนี้กองทัพอินเดียรับการส่งมอบระบบป้องกันทางอากาศ S-400 จากรัสเซียเรียบร้อยแล้ว
ใน 1 ระบบสามารถล็อคเป้าสอยเครื่องบินรบไอพ่นที่คุยโวดีๆ ได้พร้อมกันคราวละ 2 โหล ในระยะเกิน 200 กม.จากอาวุธชนิดนี้ของรัสเซีย แม้แต่ระบบ Patriot ของสหรัฐ เองก็ยังได้แค่ไม่เกิน 150 กม.เท่านั้น ซึ่งอันตรายเกินไป
ด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ตาเหลือกกระหืดกระหอบโวยว่า อิหร่านสามารถสร้างขีปนาวุธสำหรับติดระเบิดหัวรบนิวเคลียร์ 1 ลูกในระยะเวลาแค่ประมาณ 12 วันเท่านั้น
เมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา กองทัพ IRGC อิหร่านที่ดูแลพื้นที่ช่องแคบฮอร์มุช ได้ปล่อยโดรนพลีชีพ Shahed-136 โจมตีเรือน้ำมัน Campo Square ของเศรษฐีชาวอิสราเอล จนเกิดระเบิดขึ้น เขายังเป็นเจ้าของ Zodiac Shipping ในลอนดอน แต่สื่อตะวันตกเขินไม่กล้ารายงานข่าวกลัวอาวุธเทพขาดความน่าเชื่อถือและอนาคตร่วง
อิหร่าน ยังเปิดตัวขีปนาวุธร่อน Paveh พิสัยทำการถึงราว 1,650 กม. ซึ่ง จะสามารถยิงใส่ฐานทัพเถื่อนสหรัฐ ที่โขมยน้ำมันในซีเรียได้ทุกแห่ง สื่ออิหร่าน รายงานว่า จะจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ Khordad 15 ให้กับซีเรีย ไว้สอยเครื่องบินรบอิสราเอล ที่ลอบมาโจมตีบ่อยครั้ง เป็นการวัดกันไปเลย ว่าเครื่องบินเทพผลิตจากสหรัฐ กับระบบต่อต้านอากาศยานผลิตจากอิหร่านใครจะรุ่งหรือร่วง
วิเคราะห์ว่า..เมื่อฝ่ายสหรัฐ และ NATO มีแนวโน้มจะเพลี่ยงพล้ำในสงครามยูเครน อาวุธที่เคยคุยโวว่าดี หน่วยรบขั้นมหาเทพกลับเอาชนะรัสเซียไม่ได้เหมือนเคยทำกับอิรัก ซีเรีย ลิเบีย แต่ในทางตรงข้ามยิ่งกระตุ้นให้รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ อิหร่าน ร่วมมือกันแล้วเพิ่มอัตราเร่งขีดความสามารถ ปริมาณอาวุธ แสนยานุภาพทางทหารให้ร้ายแรงมากขึ้น จากนั้นก็ขยายฐานอำนาจไปจ่อใกล้ฐานทัพชาติตะวันตกเพิ่มทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.blockdit.com/world.update
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/profile.php?id=100077775671454