สงครามเศรษฐกิจเมกาและบริวารแพ้รัสเซียอย่างเห็นได้ชัด เมื่อในที่สุดก็พิสูจน์ว่ามาตรการคว่ำบาตรสุดโต่งตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงรอบที่ ๑๐ ที่เพิ่งประกาศไปหมาดๆ ทำร้ายรัสเซียแค่ผิวเผิน เพราะสถานะเศรษฐกิจของรัสเซียเงยหัวขึ้นมาจนไอเอ็มเอฟยังต้องยอมรับ แม้สื่อตะวันตกพยายามฟันธงว่ารัสเซียย่ำแย่ แต่อาการล้มลุกคลุกคลานทางเศรษฐกิจของยุโรปและอเมริกามันปิดไม่มิด
ล่าสุดมีรายงานข่าวว่า แอฟริกาเหนือและอาฟริกาตะวันตกกำลังซื้อน้ำมันดีเซลของรัสเซียเพิ่ม หลังจากสหภาพยุโรปเพิ่งประกาศแบนน้ำมันรัสเซียทุกกรณี แบบว่าเลิกเกรงใจตะวันตกกันแล้ว
วันที่ ๑ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ประเทศในแอฟริกาเหนือและตะวันตกขายน้ำมันรัสเซีย กานาอาจต้องการเป็นซัพพลายเออร์ระดับภูมิภาคที่ใหญ่ขึ้นในอนาคตอันใกล้
นอกจากนี้สื่อตะวันตกด้านน้ำมันรายงานเช่นกันว่า ประเทศในแอฟริกาเหนือกำลังซื้อน้ำมันรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากการห้ามของสหภาพยุโรป มีสัญญาณเกิดขึ้นว่าผลิตภัณฑ์เหล่านั้นบางส่วนอาจถูกส่งต่อไปยังยุโรปอีกครั้ง ภูมิภาคแอฟริกาเหนือได้กลายเป็นช่องทางส่งออกที่สำคัญของน้ำมันดีเซลและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมอื่นๆ ของรัสเซีย หลังจากที่สหภาพยุโรปห้ามนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงของรัสเซียเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์
โมร็อกโก มีรายงานการนำเข้าน้ำมันดีเซลของรัสเซีย ๒ ล้านบาร์เรลในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เทียบกับเพียง ๖๐๐,๐๐๐ บาร์เรลสำหรับทั้งปีของปี ๒๕๖๔ ตามข้อมูลของเคปเลอร์ (Kpler)กลุ่มวิเคราะห์ข้อมูล ที่อ้างอิงโดย The Wall Street Journal
นอกจากนี้ ตูนิเซียยังได้นำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของรัสเซียเพิ่มขึ้นเป็น ๒.๘ ล้านบาร์เรลในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และอีกประมาณ ๓.๑ ล้านบาร์เรลในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมากกว่าช่วงก่อนสงครามยูเครนมาก
ที่กานา: สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า “เรือบรรทุกน้ำมันของรัสเซียถูกติดตามว่ากำลังแล่นไปยังกานา ซี่งมีกำหนดจะถูกย้ายไปยังถังเก็บที่โรงกลั่นน้ำมันในเมือง Tema มีรายงานว่าสินค้าจะถูกเก็บไว้เพื่อขายต่อ เรือบรรทุกน้ำมันเธเซอุสซึ่งมีน้ำมันรัสเซียประมาณ ๖๐๐,๐๐๐ บาร์เรลอยู่บนเรือกำลังเดินทางจากท่าเรือในทะเลดำ
ดร.มุสตาฟา อับดุล-ฮามิด ซีอีโอของการปิโตรเลียมแห่งชาติของกานา(The CEO of Ghana’s National Petroleum Authority Dr Mustapha Abdul-Hamid) ระบุว่า หากสินค้าถูกส่งไปยังประเทศนี้ สินค้าจะถูก “ปิดกั้น” ความคิดเห็นของเขามีขึ้นก่อนที่เรือบรรทุกน้ำมันจะถึงน่านน้ำของประเทศ
กานาเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายย่อยที่มีการส่งออกเฉลี่ยประมาณ ๑๔๐,๐๐๐ บาร์เรลต่อวันในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ในปี๒๕๖๔ มีรายได้จากการส่งออกน้ำมันดิบรวม ๓.๙๕ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลของทางการ ประเทศในแอฟริกาตะวันตกนี้ตั้งอยู่เคียงข้างซัพพลายเออร์น้ำมันรายใหญ่สองรายของแอฟริกาตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา ได้แก่ ไนจีเรียและแองโกลา
โลนนิส ปาปาดิมิตทรีโอ(Ioannis Papadimitriou) นักวิเคราะห์การขนส่งสินค้าอาวุโสของวอร์เท็กซา (Vortexa) เขียนเมื่อวันศุกร์สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า”ขณะนี้มีเรือ ๘๗ ลำที่บรรทุกน้ำมันดีเซลของรัสเซียอยู่ในทะเล ในจำนวนนี้ เรือ ๖๓ ลำที่บรรทุกน้ำมัน ๑๘ ล้านบาร์เรลกำลังส่งสัญญาณไปยังจุดหมายปลายทางที่แอฟริกาเหนือ
วิคเตอร์ คาโตนา(Viktor Katona) นักวิเคราะห์น้ำมันอาวุโสของเคปเลอร์ (Kpler) กล่าวว่า ประเทศเหล่านั้นจะไม่บริโภคผลิตภัณฑ์น้ำมันของรัสเซียทั้งหมด ทำให้เชื่อได้ว่า มีการนำเข้าเชื้อเพลิงของรัสเซีย เพื่อส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ รวมถึงยุโรป หลังจากผสมผสานกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่แหล่งกำเนิดของรัสเซีย เป็นการเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรอีกวิธีหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน Bloomberg ได้เปิดเผยว่า”ผู้ค้ายังคงสามารถค้นหาผู้ซื้อรายใหม่ของน้ำมันรัสเซียในตลาดได้”หลังจากที่สหภาพยุโรปและ G7 ชาติพันธมิตรของพวกเขาสั่งห้ามการส่งออกน้ำมันทางทะเลของรัสเซีย พร้อมกับกำหนดราคาสูงสุดที่ ๖๐ ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว การคว่ำบาตรอีกครั้งที่ห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันเกือบทั้งหมดของรัสเซีย และมาพร้อมกับการจำกัดราคาน้ำมันดีเซลและผลิตภัณฑ์น้ำมันอื่นๆ ที่เริ่มใช้ในวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ทำได้แค่ในทางลมปาก เพราะในสถานการณ์จริงรัสเซียยังคงทำรายได้จากสินค้าพลังงานผ่านเอเย่นต์ยี่ปั้วแฝงและที่ประกาศตัวเป็นทางการได้อย่างต่อเนื่อง
การคว่ำบาตรของตะวันตกกระตุ้นให้รัสเซีย ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป หันเหการส่งออกพลังงานไปยังตลาดเอเชีย โดยอินเดียและจีนกลายเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคชาวยุโรปจำนวนมากก็มองหาช่องโหว่ที่อนุญาตให้ซื้อน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรทางอ้อม และใช้ประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมการแบนเป็นประตูหลังเพื่อเลี่ยงข้อจำกัดของตนเอง ในที่สุดสหรัฐฯและยุโรปก็ต้องยอมรับความจริงว่า หมดมุกที่จะคว่ำบาตรรัสเซียแล้ว และกำลังเร่งมือกระตุ้นสงครามเพื่อฟื้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยการขายอาวุธให้คู่ขัดแย้งทั้งในยุโรปและเอเชีย-แปซิฟิก!!!??