ต.ต.คลั่ง!?ปูตินฟาดเมกา-นาโต้ใช้นิโอฯไอเอสรบรัสเซีย สั่งยกระดับการข่าว เย้ยแพ้ศึกในยูเครนเร่งโฆษณาชวนเชื่อหนัก

0

ในที่สุดปธน.ปูตินได้ลงนามกฎหมายระงับการมีส่วนร่วมของรัสเซียในสนธิสัญญา New START กฎหมายมีผลบังคับใช้ ณ เวลาที่ประกาศอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางการวิตกของเมกา-นาโต้อย่างเห็นได้ชัด

สนธิสัญญาระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซียว่าด้วยมาตรการสำหรับสนธิสัญญา START ใหม่ลงนามในปี ๒๕๕๓ และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ มาวันนี้รัสเซียจำเป็นต้องเปิดทางอย่างชอบธรรมในการใช้มาตรการทุกระดับปกป้องตนเองเมื่อเมกาและบริวารประกาศชัดว่ารัสเซียเป็นศัตรูทีจะต้องถูกทำลายล้างในทุกมิติของความเป็นประชาชาติรัสเซีย

ในเอกสารระบุว่าเจ็ดปีหลังจากมีผลบังคับใช้ แต่ละฝ่ายควรมีขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ประจำการไม่เกิน ๗๐๐ ลูก ขีปนาวุธปล่อยจากเรือดำน้ำ (SLBM) และเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ รวมทั้งไม่เกิน ๑,๕๕๐ ลูก หัวรบบน ICBM ที่ปรับใช้, SLBM ที่ปรับใช้และเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงกลยุทธ์ และเครื่องยิง ICBM ที่ปรับใช้และไม่ได้ใช้งานทั้งหมด ๘๐๐ เครื่อง, เครื่องยิง SLBM และเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ แต่จนปัจจุบันนี้ไม่มีใครรู้ตัวเลขการสะสมอาวุธมหาประลัยของมหาอำนาจสหรัฐฯและพวก เพราะพวกเขาเอาแต่ตรวจสอบของประเทศอื่น จึงถึงเวลาที่รัสเซียหนีออกจากกฎเกณฑ์ของตะวันตกที่สองมาตรฐานในทุกเรื่องนั่นเอง

ล่าสุดปธน.ปูตินได้สั่งยกระดับป้องกันวินาศกรรมต่างชาติ และการโจมตีจากต่างชาติท่ามกลางข่าวลือว่า เครื่องบินรบรัสเซียถูกโดรนฝ่ายตรงข้ามทำลายที่เบลารุส และมีการเคลื่อนไหวยิงโดรนเข้ามาโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนของฝั่งรัสเซียเพิ่มขึ้น ทั้งในเขต๔ ภูมิภาคใหม่และชายแดนรัสเซีย เค้าลางสงครามขยายวงเป็นไปได้อย่างสูง แม้ฝั่งเมกา-นาโต้จะออกข่าวว่าไม่อยากให้เกิดสงครามใหญ่แต่พฤติกรรมตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง และรัสเซียตื่นตัวสูงสุดในสถานการณ์ล่อแหลมนี้อย่างเห็นได้ชัด

วันที่ ๑ มี.ค.๒๕๖๖ สำนักข่าวทาซซ์และรัสเซียทูเดย์รายงานว่า ปธน.ปูตินกล่าวชัดเจนว่า “เวลานี้ตะวันตกใช้ ‘พวกหัวรุนแรง’ ทั้งกลุ่มสุดโต่งนิโอฯและกลุ่มก่อการร้ายไอเอส ตอสู้กับรัสเซียอย่างโจ่งแจ้ง จำนวนการโจมตีของผู้ก่อการร้ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากความตั้งใจของสหรัฐฯ และเคียฟที่จะใช้แนวคิดสุดโต่งเพื่อประโยชน์ของตน”

ปูตินกล่าวขณะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการของ Federal Security Service (FSB) ของรัสเซียในมอสโกว์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “การตอบโต้ภัยคุกคามของผู้ก่อการร้ายยังคงเป็น งาน “เร่งด่วน”ของประเทศ ในปีที่ผ่านมา จำนวนอาชญากรรมดังกล่าวเพิ่มขึ้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเชื่อมโยงกับความพยายามของรัฐบาลเคียฟในการใช้วิธีก่อการร้าย เราตระหนักดีถึงสิ่งนั้น พวกเขาใช้มันใน Donbass มาเป็นเวลานานแล้ว”

เขาเตือนว่า “ขณะนี้กำลังมีความพยายามอย่างแข็งขันโดยหน่วยบริการพิเศษของตะวันตกเพื่อฟื้นฟูเซลล์ผู้ก่อการร้ายในรัสเซีย” 

ปูตินบอกกับผู้นำหน่วยงานความมั่นคงหลักของรัสเซียว่า จำเป็นต้องกระชับงานต่อต้านข่าวกรองและรักษาชายแดนรัสเซีย-ยูเครนให้อยู่ภายใต้การดูแลเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการลักลอบขนอาวุธและเครื่องกระสุนเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

เขายกย่องเจ้าหน้าที่ของ FSB ซึ่งทำงานในแนวหน้าและ”หลังแนวข้าศึก”ระหว่างความขัดแย้งในยูเครน สำหรับ”ความกล้าหาญส่วนบุคคล ความเป็นมืออาชีพ และความมุ่งมั่นในการรับประกันความปลอดภัยของรัสเซีย” เขากล่าวว่าหน่วยงานดังกล่าวได้รับ”ประสบการณ์อันล้ำค่า”ซึ่งจะช่วยให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้ปูตินวิพากษ์ยูเครนว่าใช้“กลยุทธ์ก่อการร้าย”หลังเกิดเหตุระเบิดบนสะพานไครเมียเมื่อต้นเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ซึ่งมอสโกว์ยืนยันว่าเคียฟเป็นผู้บงการ ซึ่งนำไปสู่การโจมตีด้วยขีปนาวุธของรัสเซียต่อโครงสร้างพื้นฐานและเป้าหมายทางทหารของยูเครน ทำให้เกิดไฟดับทั่วประเทศ และสร้างความเสียหายอย่างมากต่อความสามารถในการป้องกันทางอากาศของเคียฟ  

นอกจากนี้ประมุขแห่งรัฐย่ำว่า “การต่อต้านข่าวกรองจำเป็นต้องควบคุมการดำเนินการตามคำสั่งป้องกันของรัฐ ให้ความสนใจอย่างจริงจังต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการต่อสู้กับการทุจริต”  เมื่อพูดถึงผู้ที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคใหม่ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซียเมื่อปีที่แล้ว ปูตินเน้นย้ำว่าความไว้วางใจของพวกเขาคือการสนับสนุนที่เชื่อถือได้และสำคัญสำหรับรัสเซียในการเผชิญหน้ากับลัทธินีโอนาซียูเครนที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตกในปัจจุบัน เขาย้ำว่า “จำเป็นต้องทำงานร่วมกับผู้คนเพื่อช่วยพวกเขาในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ความไว้วางใจของชาว Donbass และ Novorossia คือการสนับสนุนที่เชื่อถือได้และสำคัญที่สุดของเรา”

ด้านหน่วย FSBของรัสเซีย อยู่ระหว่างตรวจสอบเหตุอากาศยานไร้คนขับ (ยังไม่สามารถระบุฝ่าย) ตกใกล้กับสถานีจ่ายก๊าซธรรมชาติในเมืองโคลอมนา (Kolomna) เมื่อวันที่ ๒๘ ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งรัสเซียเชื่อว่าเป็นความพยายามโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือนของรัสเซียจากฝั่งเคียฟ-นาโต้ เวลานี้ยังไม่มีใครออกมาประกาศรับผิดชอบ!!