มีของพร้อมใช้!! เปิดขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์ลูกยาวรัสเซีย ไม้ตายที่ทำระบบป้องกันสหรัฐไร้ค่า ถล่มได้ทั่วโลก

0

รัสเซียเมินมติยูเอ็น ทูตมอสโกว์ประจำสหประชาชาติกล่าวว่า มติที่ผ่านโดยสมัชชาใหญ่ “เป็นผลเสีย” ต่อการยุติความขัดแย้ง ตะวันตกใช้UN กำบังเจตนาร้ายต่อรัสเซีย กลับชูแผนสันติภาพเซเลนสกี้ไม่รับฟังรัสเซียไม่สนใจแผนจีน สั่งให้ปลดอาวุธรัสเซียแต่ไม่ปลดอาวุธเมกา-นาโต้และเคียฟ 

การที่รัสเซียกล้าขัดขวางแผนกาารใหญ่ของกลุ่มโลกขั้วเดี่ยวแองโกลแซกซอนที่มีสหรัฐฯเป็นหัวโจก ก็เพราะมั่นใจในศักยภาพในการต่อสู้ของตนเองอย่างยิ่ง อีกทั้งความสามารถในการรับมือกับสงครามเศรษฐกิจที่ทุ่มใส่รัสเซียอย่างหนักผ่านมาครบ ๑ ขวบปีได้พิสูจน์ศักยภาพของทีมเศรษฐกิจรัสเซียว่าเยี่ยมขนาดไหน นอกจากเศรษฐกิจรัสเซียกระทบน้อยกว่าที่ตะวันตกคาด กลับส่งผลเหมือนบูมเมอแรงซัดใส่เมกาและบริวารเสียเอง ปรากฎว่ารัสเซียเดินหน้าต่อได้ทั้งการค้าการลงทุน ค่าเงินรูเบิล มิหนำซ้ำยังเกินดุลการค้าเหนือเมกาและยุโรป

ชัยชนะของสงครามเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็นแต่การชี้ขาดชัยชนะที่สมบูรณ์ต้องประกอบด้วยชัยชนะหน้าสนามรบอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มาพิจารณาปัจจัยสำคัญของการทำสงครามพลิกโลกครั้งนี้ว่า รัสเซียมีอะไรที่เป็นหลักประกันของชัยชนะที่ทำให้สหรัฐ-นาโต้ยังไม่กล้าปะทะโดยตรงกับรัสเซีย

วันที่ ๒๖ ก.พ.๒๕๖๖ สำนักข่าวสปุ๊ตนิก รายงานว่า รัสเซียมีระบบขีปนาวุธที่สามารถใช้งานนิวเคลียร์ได้หลากหลายตั้งแต่อิสกานเดอร์ (Iskander) ซึ่งเป็นระบบขีปนาวุธระยะสั้นที่มีระยะปฏิบัติการระหว่าง ๕๐ ถึง ๔๑๕ กม. ไปจนถึง คาลิเบอร์(Kalibr) ซึ่งเป็นระบบต่อต้านเรือและภาคพื้นดินที่ปล่อยออกทะเล โจมตีขีปนาวุธร่อนที่มีระยะปฏิบัติการระหว่าง ๕๐ ถึง ๔,๕๐๐ กม. นอกจากนี้ ในคลังแสงของรัสเซียยังมี Kh-55 ซึ่งเป็นขีปนาวุธร่อนแบบสับโซนิค (subsonic) ที่ยิงทางอากาศซึ่งมีระยะปฏิบัติการระหว่าง ๓๐๐ ถึง ๒,๕๐๐ กม. และรุ่นอัพเกรด – Kh-101/102 ซึ่งมีพิสัยทำการสูงสุด ๕,๕๐๐ กม.

ขีปนาวุธพิสัยไกลในคลังแสงของรัสเซีย ได้แก่ ขีปนาวุธ R-29 Vysota และ Bulava ที่ปล่อยโดยเรือดำน้ำ ซึ่งมีพิสัย ๖,๕๐๐ และ ๘,๓๐๐ กม. ตามลำดับ และชุดขีปนาวุธเคลื่อนที่ภาคพื้นดินและฐานไซโล: RS-24 Yars ระยะ – ๑๐,๕๐๐ กม.), Topol-M ระยะ – ๑๑,๐๐๐ กม., R-36 ระยะ – ๑๖,๐๐๐ กม. และ RS-28 Sarmat ระยะ – ๑๘,๐๐๐ กม.

ขนาดและที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของรัสเซียเมื่อเผชิญหน้าศัตรูที่มีศักยภาพหมายความว่าขีปนาวุธที่มีระยะยิง 6,000 กม. หรือมากกว่านั้นมักจะเพียงพอที่จะรับประกันการป้องปรามได้ ตัวอย่างเช่น เรือดำน้ำนิวเคลียร์ติดอาวุธ Bulava ที่ลาดตระเวนในทะเลไวท์หรือทะเลแบเรนต์สมีระยะเพียงพอที่จะกำหนดเป้าหมายส่วนใหญ่ในชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ในขณะที่เรือลาดตระเวนในมหาสมุทรแปซิฟิกสามารถเข้าถึงจุดใดก็ได้บนชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ซาร์มัตประจำการใน Uzhur หรือ Dombarovskiy ซึ่งอยู่ลึกลงไปหลังเทือกเขาอูราล มีระยะยิงที่เพียงพอสำหรับโจมตีได้ทุกจุดบนโลกในกรณีที่มีการโจมตีรัสเซีย

หากจะถามว่าขีปนาวุธของรัสเซียสามารถผ่านการป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ได้หรือไม่ต้องดูที่อดีตมาจนถึงจะคาดการณ์ในปัจจุบันได้

หลังจากถอนตัวจากสนธิสัญญาต่อต้านขีปนาวุธในปี ๒๕๒๕ ในช่วงปลายปี ๒๕๔๔ สหรัฐอเมริกาเริ่มพัฒนาระบบต่อต้านขีปนาวุธแบบใหม่ อ้างเพื่อป้องกันสิ่งที่เรียกว่ารัฐอันธพาลเท่านั้น รัสเซียตัดสินใจทดสอบความจริงใจของคำพูดของวอชิงตัน โดยเสนอให้สร้างระบบป้องกันขีปนาวุธร่วมในอาเซอร์ไบจานในปี ๒๕๕๐ สหรัฐฯ ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว และเพิ่มความพยายามในการติดตั้งส่วนประกอบป้องกันขีปนาวุธในยุโรปตะวันออกเฉพาะของตัวเอง

ศูนย์กลางในการคำนวณของนักวางแผนทางทหารของสหรัฐฯ เป็นแนวคิดที่เรียกว่า “ PGS ย่อมาจากพร้อมท์ โกลบัลสไตรค์(Prompt Global Strike)”ซึ่งเป็นความคิดริเริ่มของเพนตากอนที่มีความทะเยอทะยานที่เกี่ยวข้องกับการใช้การโจมตีทางอากาศและขีปนาวุธแบบเดิมที่มีความแม่นยำจำนวนมาก โดยมุ่งเป้าไปที่การปลดอาวุธคู่ต่อสู้ที่ติดอาวุธนิวเคลียร์ในเวลาอันสั้น แผนดังกล่าวเรียกร้องให้มีการโจมตีฉับพลันจำนวนมากอย่างน่าประหลาดใจ และสร้างระบบป้องกันขีปนาวุธที่จะใช้สกัดขีปนาวุธของศัตรูที่ยิงออกมาเพื่อตอบโต้การรุกรานของสหรัฐฯ แนวคิด PGS ก่อตั้งขึ้นในช่วงกลางทศวรรษที่ ๒๐๐๐ และยังคงได้รับการดำเนินการอย่างต่อเนื่องโดยฝ่ายบริหารสหรัฐฯโดยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลหลายร้อยล้านดอลลาร์ทุกปี

ในปี ๒๐๑๙ สหรัฐฯถอนตัวจากสนธิสัญญา INF และเริ่มทดสอบระบบขีปนาวุธภาคพื้นดินแบบใหม่ทันที

การ “ประกาศ” เครื่องยับยั้งนิวเคลียร์ของรัสเซียเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้มอสโกสร้างอาวุธเชิงกลยุทธ์ใหม่ ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ยานร่อน และระบบขีปนาวุธร่อนอัตโนมัติใต้น้ำและอากาศแบบไม่จำกัดระยะ

ข้อกำหนดและหลักคำสอนนิวเคลียร์ของรัสเซีย ห้ามการใช้อาวุธนิวเคลียร์ไม่ว่าในกรณีใด ๆ เว้นแต่ประเทศกำลังเผชิญกับการโจมตีของศัตรูโดยใช้อาวุธนิวเคลียร์หรืออาวุธทำลายล้างสูงอื่น ๆ หรือการโจมตีทั่วไปที่รุนแรงจน “การมีอยู่จริง” ของรัฐตกอยู่ในความเสี่ยง

ดังนั้น คลังอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่ทันสมัยของรัสเซียจึงได้รับการออกแบบมาไม่ให้ต่อสู้หรือเอาชนะสงครามนิวเคลียร์ และไม่ข่มขู่หรือรังแกประเทศใด ๆ ให้ยอมจำนน แต่เพื่อโน้มน้าวให้ศัตรูของรัสเซียเชื่อว่าไม่ว่าผลประโยชน์ใด ๆ ที่ได้รับจากการ “สร้างความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์” แก่รัสเซีย ความเสี่ยงนั้นยิ่งใหญ่กว่าผลประโยชน์ที่เป็นไปได้ที่คนบ้าเท่านั้นที่จะคิดเดิมพันกับอนาคตของมนุษยชาติเพื่อพยายามรักษา “ชัยชนะ” ดังกล่าว

คำถามคือฝ่ายตรงข้ามซึ่งประกาศเป็นศัตรูกับรัสเซียอย่างเปิดเผยเหล่านั้นอาจไม่คิดเหมือนที่รัสเซียคิด จึงเปิดปฏฺิบัติการยั่วยุไปทั่วภูมิภาคของโลกด้วยสงครามลูกผสมทุกแนวรบในจุดวาบไฟทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย-แปซิฟิก!!??